UPDATE : 2023/04/28
SHARE : Copied
ในปัจจุบัน ทุกๆ ธุรกิจทั่วโลกต่างลงทุนลงแรงเพื่อทำ การตลาดออนไลน์ (Online Marketing) อย่างแข็งขัน เพราะลูกค้าหันมาใช้เวลาบนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น (ใช้จนแทบจะตลอดทั้งวันเลยทีเดียว) และเปลี่ยนพฤติกรรมมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลักแล้ว หรือบางทีมาซื้อสินค้าหน้าร้านก็จริง แต่ก่อนมาซื้อก็ต้องไปค้นหาข้อมูลสินค้าบนอินเทอร์เน็ตมาก่อน ดังนั้นเมื่อผู้บริโภคจำนวนมหาศาลใช้ชีวิตอยู่ในช่องทางออนไลน์ ธุรกิจก็ต้องปรับตัวตามเพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายให้กับธุรกิจ
นอกจากนี้ หากธุรกิจคุณทำการตลาดแบบออนไลน์ได้อย่างแข็งแกร่งจะช่วยให้คุณได้เปรียบและชนะเหนือคู่แข่งพร้อมดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้าหรือใช้บริการของคุณได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่บางคนที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจหรือสร้างแบรด์ของตัวเองอาจได้ลองทำไปบ้างแล้ว แต่สิ่งที่คุณทำไปเพียงพอหรือยัง? มีวิธีที่จะช่วยสร้างยอดขายและรายได้ให้กับธุรกิจของคุณอีกไหม? ในบทความนี้ DTK AD มีคำตอบมาให้คุณค่ะ ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกันหน่อยว่าการตลาดออนไลน์ คืออะไรกันแน่?
การตลาดออนไลน์ (Online Marketing) หรืออีกชื่อที่นักการตลาดมักเรียกกันคือ Digital Marketing คือการทำการตลาดในทุกรูปแบบที่เกิดขึ้นบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งธุรกิจจะใช้ประโยชน์จากช่องทางออนไลน์ต่างๆ เช่น Search Engine อย่างกูเกิ้ล โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ อีเมล ฯลฯ เพื่อเชื่อมต่อหรือสื่อสารกับลูกค้า ทั้งลูกค้าปัจจุบันรวมถึงคนที่อาจจะกลายมาเป็นลูกค้าในอนาคตด้วย
การตลาดแบบออนไลน์ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงผู้บริโภคจำนวนมหาศาลได้ ทั้งยังมีความแม่นยำในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายและประหยัดงบได้มากกว่าการทำการตลาดแบบดั้งเดิม เลยเป็นสิ่งที่ทุกๆ ธุรกิจจะขาดไม่ได้ เราลองมาดูกันว่าการตลาดออนไลน์จะช่วยสร้างประโยชน์ให้ธุรกิจของคุณได้อย่างไรบ้าง
1. เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างและง่าย เพิ่มโอกาสในการเป็นที่รู้จัก
2. ธุรกิจสามารถโฟกัสกลุ่มเป้าหมายที่ทำให้เกิดยอดขายได้จริง
3. ราคาถูกกว่าการทำการตลาดหรือโฆษณาแบบดั้งเดิม
4. ช่วยให้คุณไปแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ๆ ได้
5. สามารถวัดผลได้
6. ง่ายต่อการปรับแต่งหรือเพิ่มประสิทธิภาพ
7. ช่วยเพิ่ม Conversion Rate และคุณภาพในการขาย
8. ช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคได้ในทุกๆ Touchpoint
9. สามารถซื้อขายโดยไม่ต้องมีหน้าร้านออฟไลน์
10. ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของระยะทางจะอยู่ใกล้หรือไกล อยู่ต่างจังหวัดก็สามารถขายของได้
11. งบน้อยก็สามารถทำโฆษณาได้
อย่างที่รู้กันว่าปัจจุบันผู้คนใช้โซเชียลมีเดียกันจำนวนมาก เช่น Facebook, Instagram, Twitter, Line, Tiktok, Youtube และผู้ใช้แค่คนเดียวก็ยังใช้โซเชียลหลายแพลตฟอร์มอีกด้วย ดังนั้นที่นี่จึงเป็นแหล่งขุมทรัพย์ชั้นดีของแบรนด์ทั้งหลายที่สามารถจะโปรโมตแบรนด์ คอนเทนต์ สินค้าหรือบริการ ผ่านสื่อต่างๆ อย่างข้อความ รูปภาพ วิดีโอมาดึงดูดความสนใจของผู้คนได้อย่างดี
โซเชียลมีเดียมีประโยชน์หลากหลายมาก หากแบรนด์สามารถใช้มันสร้างการรับรู้แบรนด์ คอยสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าอยู่เรื่อยๆ ด้วยการลงคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ สร้าง Traffic และ Engagement เข้าสู่เว็บไซต์และสร้างโอกาสในการขายได้มหาศาล อยากใช้โซเชียลมีเดียสร้างประโยชน์ให้ธุรกิจ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Social Media Marketing (SMM) คืออะไร? ทำอย่างไรให้ยอดขายพุ่ง ธุรกิจโต
นอกจากนี้โซเชียลมีเดียบางแพลตฟอร์มได้พัฒนาตัวเองให้มีฟีเจอร์ขายของเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับธุรกิจ เช่น Facebook Shop, LINE Shopping, Tiktok Shop ที่ให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มได้โดยตรง ทำให้ย่นระยะเวลาในกระบวนการซื้อ การจ่ายเงิน และเพิ่มโอกาสสร้าง Conversion ให้กับแบรนด์
Content is King คำนี้ใช้ได้ทุกยุคและทุกสถานการณ์แม้แต่การตลาดก็ด้วย เพราะคอนเทนต์เป็นตัวดึงดูดและโน้มน้าวใจผู้บริโภคให้ทำในสิ่งที่แบรนด์ต้องการได้ อยากให้คนมาซื้อสินค้า ก็ทำคอนเทนต์โปรโมตสินค้า อาจจะบอกจุดเด่น หรือบอกข้อดี-ข้อเสีย เปรียบเทียบระหว่างการใช้สินค้ากับไม่ได้ใช้ เพื่อดึงให้คนสนใจหรือดึง traffic เข้าไปยังเว็บไซต์ เพราะฉะนั้นจะต้องสร้างคอนเทนต์เล่าเรื่องเจ๋งๆ เพื่อให้คนไปอ่านต่อในเว็บ ซึ่งช่องทางที่ให้คุณสามารถสื่อสารคอนเทนต์ออกไปได้ก็มีหลายช่องทางให้แบรนด์สามารถเลือกใช้ได้ตามที่เหมาะสมกับแบรนด์และสินค้าของคุณ ตัวอย่างเช่น Social Media, Blog, Video, Podcast แต่ถ้าแบรนด์สามารถประยุกต์จุดเด่นของแต่ละแพลตฟอร์มให้เข้ากับธุรกิจ ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้กับธุรกิจได้เหมือนกัน
ทั้งนี้ การใช้คอนเทนต์เพื่อดึงดูดลูกค้าให้สำเร็จได้ คุณก็จำเป็นต้องมีสิ่งเหล่านี้ด้วย คือ ต้องทำคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและเกี่ยวข้องกับความสนใจของลูกค้า มีความอัปเดต ตามเทรนด์ อะไรที่ไวรัลและเหมาะกับแบรนด์ ไม่สร้างผลกระทบทางลบให้แบรนด์ อย่าพลาดที่จะเข้าร่วมด้วย หรือจะให้ดีถ้าคุณสามารถเป็นผู้นำเทรนด์ได้เอง ผลตอบรับที่ดีจะตามมาอย่างมหาศาลค่ะ ทั้งการรับรู้แบรนด์ ยอดฟอล การมีปฏิสัมพันธ์ ยอดขาย ศึกษาวิธีสร้างคอนเทนต์ให้ดึงดูดลูกค้าได้อยู่หมัด สามารถอ่านเพิ่มเติมที่ Content Marketing คืออะไร? สร้างกลยุทธ์สื่อสารอย่างไรให้เห็นผลจริง?
การทำ SEO และ SEM จะช่วยทำให้ผู้บริโภคได้เห็นเว็บไซต์ของเราจากการใช้ Search Engine บน Google ในการค้นหาข้อมูล โดยจะทำให้เว็บไซต์ของแบรนด์อยู่ในหน้าแรกและอยู่ในตำแหน่งบนๆ ของหน้าผลการค้นหา (SERP) ทำให้ผู้ค้นหาเห็นได้ง่ายและเพิ่มโอกาสที่จะถูกคลิกมากขึ้น
การทำ SEO จะเป็นการปรับแต่งเนื้อหาในเว็บไซต์ให้เป็นไปตามเกณฑ์หรือระบบอัลกอริทึมของกูเกิ้ล โดยการเขียนเนื้อหาที่มีคุณภาพ เลือกใช้คีย์เวิร์ดที่ถูกเสิร์ชจำนวนมาก และปรับแต่งองค์ประกอบอื่นๆ ในเว็บไซต์ ซึ่งสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่บทความ SEO คืออะไร? เผยทริคทำ SEO ให้ติดหน้าแรกบน Google เมื่อคุณทำได้ตามเกณฑ์ของกูเกิ้ลพร้อมกับมีคนเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณจำนวนมาก เว็บไซต์ก็จะค่อยๆ ไต่อันดับขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งที่ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องอาศัยระยะเวลา การเขียนคอนเทนต์ที่ดี และมีความรู้ในการทำ SEO โดยจะใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือนขึ้นอยู่กับคีย์เวิร์ดที่ใช้ หรืออาจเร็วกว่านั้นถ้าเราสามารถคาดการล่วงหน้าได้ว่าคีย์เวิร์ดนี้จะถูกค้นหาในอีกไม่กี่วันข้างหน้าและมีเราคนเดียวที่ใช้ก็จะยิ่งทำให้มีโอกาสติดหน้าแรกอย่างรวดเร็ว
ส่วน SEM จะเป็นการซื้อโฆษณาให้เว็บไซต์ของคุณอยู่ในตำแหน่งบนสุดของหน้าผลการค้นหา โดยจะเป็นตำแหน่งที่อยู่เหนือเว็บที่ติดอันดับต้นๆ ด้วยวิธีการทำ SEO ปกติ ซึ่งจะสังเกตได้จากจะมีข้อความกำกับว่า “Ad” หรือ “โฆษณา” อยู่ด้านหน้า ซึ่งการทำ SEM จะช่วยเพิ่ม Website Traffic ได้ไวโดยไม่ต้องเสียเวลารอ 1-3 เดือน เหมือนการทำ SEO หรือต้องปรับปรุงเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับ SEO แต่ถ้าคุณหยุดทำโฆษณามันก็จะหายไปทันที รูปแบบการเสียเงินจะถูกคิดจากการที่มีคนกดคลิกที่โฆษณา ตามจำนวนคลิก (Pay Per Click) ส่วนค่าใช้จ่ายต่อคลิกจะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับคีย์เวิร์ดที่เลือกใช้ ความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ และคู่แข่งเป็นต้น
สำหรับแบรนด์ที่มีงบในการทำการตลาดและมีเว็บไซต์ คุณสามารถเลือกทำได้ทั้ง SEO และ SEM ควบคู่กันไปเพื่อสร้างโอกาสให้ผู้ที่ค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวกับแบรนด์ของคุณมาเจอเว็บไซต์ ระหว่างรอ SEO ที่กำลังขึ้นให้มันขึ้นมาติดในหน้าแรก เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสและเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์
Google Business Profile หรือเมื่อก่อนใช้ชื่อว่า Google My Business เป็นบริการฟรีจากกูเกิลที่ให้ธุรกิจร้านค้าใส่ข้อมูลร้านของตัวเองเข้าไปในฐานข้อมูล เช่น ชื่อร้าน เบอร์โทร วันและเวลาเปิด-ปิดร้าน เว็บไซต์ จากนั้นหากมีคนเสิร์ชหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับร้านค้าของเรา มันก็จะแสดงข้อมูลขึ้นมาบน Google Search และ Google Map นอกจากนี้ หากมีคนเสิร์ชบน Google Map เพื่อหาร้านค้าในบริเวณที่ร้านของคุณตั้งอยู่ ก็จะมีหมุดของร้านคุณพร้อมข้อมูลแสดงขึ้นมาอีกด้วย ทำให้ลูกค้าเจอกับร้านของคุณง่ายขึ้น
เช่น เวลาที่เราไปเที่ยวต่างจังหวัด เราไม่รู้หรอกว่าตรงไหนมีโรงแรมหรือมีร้านอาหารอยู่ เราก็จะใช้วิธีการค้นหาข้อมูลผ่าน Google เป็นวิธีในการเอาตัวรอดขั้นพื้นฐานที่ทุกคนส่วนใหญ่ใช้กันเลยก็ว่าได้ ซึ่งหลายๆ ร้านที่มีการทำ GBP ก็จะโผล่ขึ้นมาโชว์รายละเอียดอยู่บน Google Map ทำให้เพิ่มโอกาสที่จะถูกเลือกใช้บริการได้ เนื่องจากมีข้อมูลให้ลูกค้าเห็น ส่วนร้านที่ไม่ได้ทำข้อมูลเอาไว้ก็จะพลาดโอกาสได้ลูกค้าใหม่ๆ ไปนั่นเอง
อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญคือ การแสดงคะแนนรีวิวจากลูกค้าที่มาใช้บริการแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยโน้มน้าวใจผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกร้านอาหารอย่างมาก ถ้าคุณมีรีวิวที่ดี ก็เพิ่มโอกาสที่จะดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ เข้ามายังร้านของคุณมากขึ้นค่ะ นอกจากนี้คุณยังสามารถสร้างโพสต์ เพิ่มรูปภาพ เพื่อโปรโมตร้าน, มีกล่องข้อความให้ลูกค้าสอบถามข้อมูลแบบเรียลไทม์อีกด้วยค่ะ
ปัจจุบัน Influencer หรือที่เรียกว่าผู้มีอิทธิพลบนโซเชียลมีเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก อย่างที่รู้กันว่าพวกเหล่าอินฟลูก็จะมีผู้ที่ชื่นชอบและผู้ติดตามจำนวนมากตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักล้านคน อินฟลูก็เลยเป็นอีกตัวเลือกสำหรับแบรนด์ ดังนั้น การให้คนดังเหล่านี้มาโปรโมตโฆษณาสินค้าหรือบริการให้ โดยทำเป็นคอนเทนต์ในสไตล์ของอินฟลูลง Social Media ของตัวเอง ก็จะช่วยโน้มน้าวใจผู้ติดตามของพวกเขาได้เป็นอย่างดี เหมือนมีเพื่อนมาคอยบอกต่อว่าสินค้านี้ใช้ดีจริง ไม่ใช่เห็นโฆษณาจากแบรนด์ ก็จะดูมีความน่าเชื่อถือมากกว่าแบรนด์มาพูดหรือโปรโมตของตัวเอง แถมได้กลุ่มเป้าหมายที่มีไลฟ์สไตล์ตรงกับที่แบรนด์ต้องการ
หากอยากศึกษาเทคนิคการใช้อินฟลูสร้างยอดขายให้แบรนด์ สามารถอ่านได้ที่บทความ Influencer Marketing คืออะไร? พร้อม How to ใช้อย่างไรให้แบรนด์ดัง ยอดขายพุ่ง
เป็นการร่วมมือกันระหว่าง 2 แบรนด์เพื่อสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งจะร่วมมือกันทั้งในเรื่องของงบประมาณ ทรัพยากร เพื่อออกแบบสร้างสรรค์ออกมาเป็นสินค้าหรือบริการใหม่ร่วมกัน เช่นแบรนด์ร้านอาหารที่หลายๆ คนต้องรู้จักอย่าง Bar B Q Plaza คอลแลปกับ Pizza Hut ออกมาเป็นสินค้าใหม่คือ พิซซ่าในรูปแบบปิ้งย่าง และ BBQ Plaza ในรูปแบบของพิซซ่า ซึ่งเป็นแบรนด์ที่เป็นตัวตึงในตลาดของตัวเองทั้งคู่ พอมาคอลแลปกันยิ่งสร้างความตื่นเต้น ความอยากลองให้ลูกค้าของทั้ง 2 แบรนด์ รวมถึงกลุ่มผู้บริโภคอื่นๆ ที่ยังไม่ได้เป็นลูกค้าด้วย
หรือบางแบรนด์ Collab กับศิลปินนักร้อง นักออกแบบดีไซน์ที่มีชื่อเสียง หรือแม้แต่การ์ตูนอนิเมะ ซึ่งคนละประเภทธุรกิจกันเลยก็มี ทำให้ได้กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ
ประโยชน์ในการร่วมมือกับแบรนด์อื่นๆ คือ การได้กลุ่มลูกค้าเพิ่มโดยเป็นการแชร์กลุ่มลูกค้าร่วมกัน ช่วยลดต้นทุนในการผลิต และถ้าเลือกแบรนด์ที่มาคอลแลปได้เหมาะสม จะช่วยสร้างอิมแพค เพิ่มการรับรู้แบรนด์ไปในตัวอีกด้วย
การทำการตลาดด้วย SMS เป็นอีกกลยุทธ์ที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเป็นวิธีที่ทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงลูกค้าได้แบบรายบุคคล และลูกค้าสามารถอ่านได้ง่ายตั้งแต่แจ้งเตือนโดยที่ยังไม่ได้ปลดล็อกหน้าจอด้วยซ้ำ และด้วยข้อความที่สั้นทำให้อ่านจบเร็วไม่ต้องใช้เวลาเยอะ แบรนด์จึงสามารถส่ง SMS ไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเพื่อโปรโมตสินค้าใหม่, ส่งโปรโมชั่นวันเกิด, Flash Sale, อัปเดตสถานะการส่งสินค้า, ข้อความขอบคุณ นอกจากนี้คุณยังสามารถกำหนดได้ด้วยว่าอยากส่งข้อความนี้ให้ลูกค้ากลุ่มไหน หรืออยากส่งให้แบบรายบุคคล เพื่อทำให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษ ประทับใจ
การทำการตลาดแต่ละวิธีให้ประสบความสำเร็จ เป็นไปตามจุดประสงค์ที่แบรนด์ต้องการล้วนต้องมีทีมกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง ทีมสร้างสรรค์ที่มีคุณภาพ และที่สำคัญต้องมีข้อมูลของลูกค้าให้มากที่สุด ยิ่งมีมากและละเอียดเท่าไหร่ ยิ่งทำให้แบรนด์สามารถส่งมอบสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้มากขึ้น ซึ่งก็ต้องอาศัยเครื่องมือเข้ามาช่วยเก็บข้อมูล การทำการตลาดให้ประสบความสำเร็จแบบไม่ต้องลองผิดลองถูก เห็นผลที่เติบโตได้เลยอาจต้องมีตัวช่วย
DTK AD เราเป็นเอเจนซี่ที่มีทีมการตลาดมากประสบการณ์ที่ทำการตลาดให้กับแบรนด์ชั้นนำของญี่ปุ่นมากมาย และเชี่ยวชาญในวงการตลาดไทยมานานกว่า 10 ปี เราให้บริการวางแผนการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์แบบครบวงจร พร้อม Tool ที่เก็บข้อมูลได้อย่างแม่นยำ ทำให้แบรนด์เห็นผลลัพธ์ที่เติบโตได้แบบไม่ต้องลองทำเอง สามารถพูดคุยขอคำปรึกษาได้ก่อน ฟรี!
การขายของออนไลน์ให้รอดในปัจจุบัน คุณจะขาดการทำการตลาดออนไลน์ไม่ได้ เพราะมันจะช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้าจำนวนมหาศาลได้แม้ว่าคุณจะยังเป็นแบรนด์เล็กๆ ที่ยังมีงบไม่มาก ก็สามารถทำการตลาดออนไลน์ที่เห็นผลได้ อีกทั้งถ้าคุณเข้าใจกลยุทธ์ในการทำ เลือกวิธีที่เหมาะสมกับธุรกิจ คุณจะดึงดูดลูกค้าเข้าร้าน และทำให้พวกเขาภักดีต่อแบรนด์คุณได้ในระยะยาว ดังนั้นคุณต้องรู้จักธุรกิจของตัวเอง รู้จุดแข็ง-จุดอ่อนของตัวเอง ควบคู่ไปกับการเรียนรู้เทคนิคด้านการตลาดด้วย
Social Media Marketing (SMM) คืออะไร? ทำอย่างไรให้ยอดขายพุ่ง ธุรกิจโต
Data Driven Marketing คือ? ใช้ข้อมูลสร้างแบรนด์อย่างไรให้ปัง!!
เจาะลึก Customer Insight คืออะไร? เก็บข้อมูลจากไหนได้บ้าง พร้อมตัวอย่างการนำไปใช้
ติดตามข้อมูลข่าวสารที่นักการตลาดต้องรู้ อัปเดตใหม่เรื่อยๆ ที่ Facebook: DTK AD Co., Ltd.
Source: [1]
SHARE : Copied
บทความล่าสุด
CATEGORY
TAGS