11 วิธีสร้าง Landing Page ดึงดูดใจให้ Lead คลิก! [ฉบับละเอียดยิบ] 

UPDATE : 2023/06/09

Landing page website

SHARE : Facebook share Line share Twitter share Link shareCopied

จากบทความก่อนหน้านี้ Landing Page คืออะไร? อยากเพิ่มยอด Conversion ให้ปัง เราได้รู้แล้วว่า Landing Page คือหน้าเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อต้องการ Convert ผู้เยี่ยมชมให้กลายเป็น Lead ธุรกิจต่างๆ จึงใช้แลนด์ดิ้งเพจในแคมเปญการตลาดเพื่อหวังกระตุ้นให้เกิด Conversion และสร้างยอดขายให้ได้ตามเป้า แต่ใช่ว่าสร้างขึ้นมาแบบไหนก็ได้แล้วคนจะคลิก โดยเฉพาะเมื่อคุณมีเป้าว่าอยากได้ยอด Lead ที่เติบโตเรื่อยๆ คุณจำเป็นต้องศึกษาและเข้าใจองค์ประกอบในตำแหน่งต่างๆ ของแลนด์ดิ้งเพจ เพื่อดึงดูดและโน้มน้าวใจพวกเขาให้ได้มากที่สุด

ในบทความตอนที่ 2 นี้ เราจึงนำทริคการสร้างแลนด์ดิ้งเพจให้ดึงดูดใจผู้เยี่ยมชมแบบละเอียดยิบมาแชร์ให้อ่านกัน อธิบายทีละขั้นตอนให้เข้าใจง่ายๆ เรียกได้ว่าถ้าอ่านจบ คุณก็สามารถสร้างแลนด์ดิ้งเพจที่มีประสิทธิภาพ มัดใจให้คนคลิกได้เลยค่ะ

 

โครงสร้างที่ Landing Page จำเป็นต้องมี เพื่อดึงดูดให้ โฟกัส และ คลิก!

โครงสร้าง Landing Page

โครงสร้างของหน้าแลนดิ้งเพจ มีผลต่อการโน้มน้าวใจผู้เยี่ยมชมอย่างมาก ดังนั้นแลนดิ้งเพจที่สามารถ Convert ผู้ใช้งานได้สูงๆ ต้องมีองค์กอบหลักๆ ดังนี้

1. มีข้อเสนอขายที่มัดใจลูกค้า 

สิ่งที่เบสิคที่สุดในการดึงดูดให้ผู้คนสร้าง Conversion คือ มีข้อเสนอที่พวกเขาสนใจ เช่น เป็นสิ่งที่ช่วยแก้ปัญหาให้พวกเขาได้ ทำให้รู้สึกคุ้มค่ากว่าเดิม ทำให้รู้สึกพิเศษกว่าลูกค้าทั่วไป เป็นต้น และสื่อสารให้กระชับและเข้าใจง่าย ผู้ใช้งานเข้ามาต้องรู้ได้ทันทีว่าคุณกำลังนำเสนออะไร น่าสนใจยังไง ดีกว่าหรือแตกต่างจากคู่แข่งอย่างไร และสิ่งที่จะช่วยทำให้ข้อเสนอของคุณโดเด่นน่าสนใจ มีดังนี้ค่ะ

  • Headline หรือหัวข้อหลัก 

เป็นข้อความที่เด่นที่สุด ซึ่งผู้เยี่ยมชมจะอ่านมันเป็นอย่างแรก จึงต้องเป็นประโยคที่อธิบายชัดเจนว่าพวกเขาจะได้อะไรจากสินค้าหรือบริการของคุณ ใช้คำให้กระชับ เจาะจงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความต้องการหรือปัญหาของผู้ที่เปิดเข้ามา

  • Supporting Headline หัวข้อหรือข้อความสนับสนุน 

เมื่อ headline ของเราต้องกระชับ คุณอาจมีข้อความสนุบสนุนอธิบายเพิ่มเติม แต่ก็ควรทำให้กระชับที่สุดจะดีกว่า ซึ่งควรเป็นข้อความที่ใช้โน้มน้าวเพิ่มเติมและยังเกี่ยวข้องกับ headline 

  • Closing Statement ข้อความปิด หรือข้อความทิ้งท้าย 

ส่วนนี้จะมีหรือไม่มีก็ได้ ลองพิจารณาแล้วแต่ความเหมาะสม แต่ข้อความทิ้งท้ายมีประโยชน์กว่าที่คิด เป็นข้อความย้ำเตือนว่าผู้เยี่ยมชมของคุณเข้ามาที่นี่แต่แรกเพื่ออะไร แล้วจะได้อะไร และถ้ามีศิลป์ในการใช้คำ มันอาจเป็นหมัดฮุคที่กระตุ้นให้เกิดการกระทำเลยก็ได้

 

2. รูปภาพ/วิดีโอ สำคัญมากกับ Landing Page 

วิธีสร้าง Landing Page

                                                                                     รูปจาก Unbounce

‘ความประทับใจครั้งแรกที่เห็น’ มีความสำคัญอย่างมากสำหรับแลนด์ดิ้งเพจ และรูปภาพ (หรือวิดีโอ) ช่วยสร้างความประทับใจแรกได้อย่างดี เป็นเหมือนภาพลักษณ์โดยรวมของแบรนด์ หรือสินค้า/บริการ เมื่อผู้เยี่ยมชมเข้ามาในแลนดิ้งเพจจะเห็นรูปหรือวิดีโอตัวหลักนี้เป็นอย่างแรก และทำให้พวกเขารู้สึกบางอย่างทันที เช่น ว้าว สวยงาม น่าเชื่อถือ ซึ่งช่วยกระตุ้นให้อยากซื้อ/ใช้งาน และไปอ่านรายละเอียดต่อไป ไม่กดปิด

รูปหรือวิดีโอที่ใช้ ควรแสดงบริบทของการใช้งานหรือข้อเสนอของแบรนด์ เช่น หากคุณป็นแบรนด์ขายจักรยานทางไกล สายแอดเวนเจอร์ คุณอาจใช้รูปคนกำลังปั่นจักรยานของคุณบนทางขรุขระพร้อมวิวธรรมชาติที่สวยงาม อาจครอปให้เห็นที่ตัวจกรยานเด่นชัดที่สุด แต่องค์ประกอบอื่นๆ ยังอยู่ครบ เป็นต้น นอกจากนี้ถ้าเป็นไปได้ควรใช้รูปคนจริง หรือสินค้าจริง พยายามหลีกเลี่ยงการใช้รูปจากสต็อค 

3. สิทธิประโยชน์ โหมไฟความต้องการให้เพิ่มขึ้น

เรามีส่วนของ Headline และ Supporting Headline ไปแล้ว แต่บางธุรกิจที่สินค้า/บริการ มีรายละเอียดเยอะ เช่น ธุรกิจคอสร์สออนไลน์การเรียนการสอน ให้บริการซอฟแวร์ต่างๆ หรือธุรกิจ B2B คุณจำเป็นต้องมีพาร์ทของ Benefit หรือสิทธิประโยชน์เพิ่มเข้ามา เพื่ออธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมว่า ถ้าซื้อสินค้าหรือใช้บริการแล้ว ลูกค้าจะได้อะไรบ้าง 

ในการนำเสนอสิทธิประโยชน์ หรือฟีเจอร์ต่างๆ ที่ลูกค้าจะได้รับ ควรทำให้กระชับที่สุดเช่นกัน อาจใช้ bullet points โลโก้ หรืออิโมจิเข้ามาช่วย เพื่อทำให้ผู้เยี่ยมชมอ่านง่ายขึ้น

Tip: ในการบอก benefit แต่ละข้อ ให้เริ่มประโยคด้วยประโยชน์หรือผลลัพธ์ที่จะได้ แล้วค่อยตามด้วยชื่อของ benefit นั้นๆ เช่น “เฮดโฟนอัจฉริยะ ตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้ดีเยี่ยมด้วย HD Noise Cancelling QN1

 

4. มี Testimonial ใช้คำพูดผู้บริโภคโน้มน้าวใจผู้บริโภค

ผู้คนรอบตัวเรามักมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของเรา ในด้านการซื้อสินค้าหรือใช้บริการก็เช่นกัน หากคุณกำลังพิจารณาซื้อสินค้า A จากร้าน 2 ร้าน ร้านแรกมีรีวิวในทางบวกเยอะมาก กับอีกร้านที่แทบจะไม่มีรีวิว คุณย่อมเลือกซื้อสินค้าจากร้านแรกอย่างแน่นอน 

ดังนั้น ถ้าในแลนดิ้งเพจของคุณมี Testimonial หรือคำการันตีจากลูกค้าที่ใช้จริง จะช่วยโน้มน้าวใจ Lead ได้มากกว่าคำโฆษณาจากแบรนด์ ซึ่งมีหลายรูปแบบให้คุณเลือกใช้ 

  • Quote สั้นๆ จากลูกค้า
  • Case Study
  • วิดีโอสัมภาษณ์ลูกค้า
  • โลโก้แบรนด์หรือบริษัทของลูกค้าคุณ
  • คะแนนรีวิวจากแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น E-commerce, Play Store

สิ่งที่ควรคำนึงถึงในการทำ Testimonial คือ ควรเป็นรีวิวจากลูกค้าจริง ห้ามปลอมเขียนขึ้นมาเอง เพราะหากมีใครจับได้ชื่อเสียงของแบรนด์ติดลบอย่างแน่นอน และในโลกออนไลน์แค่เสิร์ชหาในกูเกิ้ลก็เจอได้ง่ายดายแล้ว นอกจากนี้อีกปัจจัยที่ควรทำคือ รีวิวควรมีความเจาะจง ทำให้ Lead รับรู้ว่ารีวิวนี้เป็นของใคร ทำอะไร เมื่อไหร่ มีประสบการณ์แบบไหน ยิ่งลูกค้าที่รีวิวเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง หรือคนที่มีความรู้ความชำนาญในด้านั้นๆ ยิ่งมีประสิทธิภาพในการโน้มน้าวใจมากขึ้น 

**ถ้าเป็นไปได้ ควรใส่ชื่อจริง รูปภาพจริง หรือแปะโซเชียลมีเดียจริงของลูกค้าที่รีวิวนะคะ ไม่ควรใช้นามสมมติหรือรูปที่ไม่ระบุตัวตน (ก่อนนำมาใช้ก็ขออนุญาติลูกค้าซะก่อน เดี๋ยวโดนฟ้อง)

 

5. ปุ่ม CTA เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ใน Landing Page

CTA

                                                                                      รูปจาก Unbounce

องค์ประกอบสุดท้ายที่แลนดิ้งเพจต้องมีคือปุ่ม CTA เพื่อกระตุ้นให้เกิด action หรือทำให้คนคลิกนั่นเอง แลนด์ดิ้งเพจแต่ละหน้าควรมีเป้าหมายเพียงอย่างเดียว ดังนั้นปุ่ม CTA จึงควรมีข้อความให้เกิดแค่การกระทำเดียว ตามที่ได้กล่าวไปแล้วในพาร์ทแรก Landing Page คือ? มารู้จักตัวช่วยสร้าง Lead ให้แบรนด์แบบปังๆ + 7 ตัวอย่างการนำไปใช้ 

ปุ่ม CTA เป็นได้ทั้งปุ่มสแตนด์อโลนในหน้าแลนด์ดิ้งเพจแบบ clickthrough คือคลิกที่ปุ่มเพื่อไปยังหน้าอื่นต่อ หรืออีกประเภทคือ อยู่ในหน้าแลนด์ดิ้งเพจแบบที่มีฟอร์มให้กรอก เมื่อกรอกข้อมูลแล้วกดปุ่ม ก็เป็นการจบกระบวนการ 

การสร้างปุ่ม CTA ที่ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจได้ดี ทำได้ง่ายๆ ดังนี้

  • ใช้ข้อความที่กระตุ้นให้เกิดการกระทำ เช่น “เริ่มทดลองใช้ฟรี” หรือ “รับส่วนลด 50%” อย่าใช้ข้อความที่ธรรมดาเกินไปอย่าง “คลิกที่นี่” หรือ “ส่ง”
  • ในส่วนของฟอร์มกรอกข้อมูล พยายามทำให้สั้นหรือทำให้ Lead กรอกข้อมูลน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เก็บแต่ข้อมูลสำคัญที่มีประโยชน์เท่านั้น เพราะถ้าต้องกรอกข้อมูลเยอะเกิน พวกเขาอาจกดปิด นอกจากนี้ควรมีข้อความกำกับเรื่องการรักษาข้อมูลส่วนบุคล เพื่อให้พวกเขามั่นใจว่าข้อมูลของของตัวเองจะปลอดภัย
  • สามารถวางปุ่ม CTA แทรกในแต่ละส่วนของเนื้อหาได้ เช่น วางต่อจากส่วนของ headline วางใต้ฟอร์มกรอกข้อมูล วางใต้ Benefit และวางไว้ปิดท้ายสุดของแลนด์ดิ้งเพจ หากผู้เยี่ยมชมอยากจะกดซื้อสินค้าช่วงไหนของเนื้อหาก็ได้ ไม่ต้องเลื่อนหา
  • ทำ A/B Testing กับปุ่ม CTA เพราะความแตกต่างเพียงเล็กน้อย อาจสร้างอิมแพคที่ยิ่งใหญ่ก็ได้นะคะ ปุ่ม CTA จึงเป็นตัวเลือกที่ดีในการทดสอบ เช่นรูปในตัวอย่าง

 

เพิ่มประสิทธิภาพให้ Landing Page ได้ผลลัพธ์ดีขึ้น

เมื่อเข้าใจองค์ประกอบที่แลนด์ดิ้งเพจควรมีแล้ว เรามาเสริมพลังให้มันทำหน้าที่ได้ดีขึ้น เพิ่ม traffic เพิ่มการมองเห็น และทำให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดังนี้ค่ะ

1. โฟกัส Long-tail Keyword

Long-tail Keyword เป็นประโยคหรือวลีสั้นๆ ที่มี 4 คำขึ้นไป ซึ่งเหตุผลที่เราควรโฟกัสคีย์เวิร์ดที่เป็นวลีหรือประโยค เพราะมีความเฉพาะเจาะจงกว่าทำให้ง่ายต่อการติดอันสูงๆ ในหน้าผลการค้นหาของกูเกิ้ล และมีการแข่งขันน้อยกว่า Short-tail Keyword เช่น หากคุณเป็นธุรกิจให้บริการ Social Listening Tools โฟกัสคีย์เวิร์ดในแลนด์ดิ้งเพจคำว่า “Social Listening Tools” คุณอาจต้องแข่งกับคนที่เขียนบทความรีวิว หรือเขียนให้ความู้ว่ามันคืออะไร หรือคนตั้งกระทู้ถามใช้ของเจ้าไหนดี แต่ถ้าโฟกัสคำว่า “Social Listening Tools ฟรี” แม้วอลลุ่มถูกค้นหาอาจน้อยกว่า แต่ตรงจุดกว่า ช่วยจับ Lead ได้มากกว่า

2. Segment กลุ่มเป้าหมาย

กลุ่มเป้าหมายมักเป็นคนหลากหลายรูปแบบ เช่น อาชีพต่างกัน ช่วงวัยต่างกัน ความชอบก็ต่างกัน ดังนั้นคุณควร Segment เป้าหมายออกเป็นกลุ่มตามลักษณะ เช่น คุณรับออกแบบเฟอร์นิเจอร์ ต้องการทำการตลาดหากลุ่มเป้าหมายหลายประเภทเช่น ธุรกิจร้านอาหาร สำนักงาน และเจ้าของบ้านทั่วไป คุณจึงต้องมีวิธีดึงดูดพวกเขาต่างกัน ด้วยการสร้างแลนด์ดิ้งเพจแยกตามความสนใจของแต่ละกลุ่ม 

นอกจากนี้คุณอาจจะต้องทำ Keyword Research ตาม persona ของแต่ละกลุ่มด้วย เพื่อหาคีย์เวิร์ดที่พวกเขามักเสิร์ชหา ช่วยเพิ่มการมองเห็นใน Search Engine และปรับข้อความให้ดึงดูดพวกเขาได้ทุกกลุ่ม 

3. ทำคอนเทนต์ให้น่าแชร์

เพราะคนที่ชอบอะไรเหมือนกันมักอยู่ใน Community เดียวกัน หรือกดติดตามกันและกันในโซเชียล ดังนั้นคุณควรทำคอนเทนต์ที่กระตุ้นกลุ่มเป้าหมายให้กดแชร์ให้ได้มากที่สุด เพื่อเพิ่มโอกาสเข้าถึงเครือข่ายขนาดใหญ่ของพวกเขา ถ้าประสบความสำเร็จขึ้นมานอกจากจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายล้ว การมี Traffic มากๆ ก็ส่งผลต่ออันดับใน Search Enginer ด้วยเช่นกัน

 

4. ใส่ Contact ของแบรนด์เข้าไปด้วย

เหตุผลง่ายๆ คือ เมื่อ Lead เกิดคำถาม หรือความกังวลใจในประเด็นใดก็แล้วแต่ พวกเขาสามารถติดต่อคุณได้ทันที และยังมีผลทางจิตวิทยา ทำให้พวกเขาสบายใจว่าคุณพร้อมที่จะให้คำตอบหรือพร้อมช่วยเหลือทุกเมื่อ ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้โทรหรือจะสอบถามเข้ามาจริงๆ

 

5. ทดสอบรูปแบบต่างๆ เพื่อหาสิ่งที่ดีที่สุด

ไม่ว่าจะเป็น Headline ภาพประกอบหลัก ปุ่ม CTA (ที่อธิบายไปแล้ว) และส่วนประกอบอื่นๆ ลองทำ A/B Testing เพื่อดูผลลัพธ์ของแลนด์ดิ้งเพจแต่ละรูปแบบ และพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้หน้าแลนด์ดิ้งเพจของคุณให้ดีขึ้น ได้ผลตอบรับที่ดีขึ้น

 

6. อย่าลืมทำ Landing Page ให้รองรับการใช้งานทุกอุปกรณ์

ในปัจจุบัน คนไทยส่วนใหญ่ออนไลน์บนมือถือกันเกือบหมดแล้ว และยังใช้แท็บเล็ตกันมากขึ้นเรื่อยๆ แต่คอมพิวเตอร์ก็ยังมีคนใช้อยู่จำนวนไม่น้อย ดังนั้นอย่าลืมทำให้แลนด์ดิ้งเพจของคุณรองรับการใช้งานบนทุกอุปกรณ์ เพื่อให้คนที่เข้ามาเยี่ยมชมมีประสบการณ์ที่ดี อยู่ในหน้าแลนด์ดิ้งเพจของคุณนานๆ เพิ่มโอกาสในการสร้าง Conversion ให้มากขึ้น 

นอกจากนี้หากผู้เยี่ยมชมกดเข้าแลนด์ดิ้งเพจของคุณด้วยการค้นหาใน Search Engine แล้วกดปิดอย่างรวดเร็ว จะทำให้แลนด์ดิ้งเพจมี Bounce Rate สูง กูเกิ้ลจะมองว่าเว็บเพจหน้านี้ไม่มีคุณภาพ และลดอันดับในหน้าผลการค้นหา ดังนั้นเริ่มก้าวแรกในการสร้างประสบการณ์ที่ดี ด้วยการทำให้แลนดิ้งเพจใช้งานได้ดีในทุกอุปกรณ์นะคะ

 

และนี้คือ 11 วิธีสร้างแลนด์ดิ้งเพจยังไงให้น่าคลิก ที่เราต้องใส่ใจในทุกๆ องค์ประกอบขนาดนี้ เพราะว่าแลนด์ดิ้งเพจก็เหมือนเซลล์ที่คอยโน้มน้าวใจลูกค้าที่สนใจและเดินมาหาเรา ซื้อสินค้าบริการของเราให้ได้ แต่เซลล์ที่เป็นมนุษย์สามารถปรับเปลี่ยนคำพูดให้โน้มน้าวใจตามสไตล์ของลูกค้าเป็นรายคนได้อัตโนมัติ แต่แลนด์ดิ้งเพจยังทำงานเหมือนมนุษย์จริงๆ ไม่ได้ เราจึงต้องทำทุกองค์ประกอบให้ดีด้วยวิธีทั้ง 11 ขั้นตอนนี้ค่ะ

 

อ่านบทความด้านการตลาดเพิ่มเติมได้ที่นี่

 

ติดตามข้อมูลข่าวสารที่นักการตลาดต้องรู้ อัปเดตใหม่เรื่อยๆ ที่ Facebook: DTK AD Co., Ltd.

DTK AD

 

Source: 

[1], [2]

 

Author: Wanna Julanon

SHARE : Facebook share Line share Twitter share Link shareCopied

บทความแนะนำ

เร็วๆ นี้

    ติดต่อสอบถามได้ที่นี่
    โปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อเรา