การตลาดออนไลน์ คืออะไร? รวม 7 Tips สร้างธุรกิจเล็กให้เติบโตเป็นตัวจี๊ด

UPDATE : 2023/04/28

SHARE : Facebook share Line share Twitter share Link shareCopied

ในปัจจุบัน ทุกๆ ธุรกิจทั่วโลกต่างลงทุนลงแรงเพื่อทำ การตลาดออนไลน์ (Online Marketing) อย่างแข็งขัน เพราะลูกค้าหันมาใช้เวลาบนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น (ใช้จนแทบจะตลอดทั้งวันเลยทีเดียว) และเปลี่ยนพฤติกรรมมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลักแล้ว หรือบางทีมาซื้อสินค้าหน้าร้านก็จริง แต่ก่อนมาซื้อก็ต้องไปค้นหาข้อมูลสินค้าบนอินเทอร์เน็ตมาก่อน ดังนั้นเมื่อผู้บริโภคจำนวนมหาศาลใช้ชีวิตอยู่ในช่องทางออนไลน์ ธุรกิจก็ต้องปรับตัวตามเพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายให้กับธุรกิจ

นอกจากนี้ หากธุรกิจคุณทำการตลาดแบบออนไลน์ได้อย่างแข็งแกร่งจะช่วยให้คุณได้เปรียบและชนะเหนือคู่แข่งพร้อมดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้าหรือใช้บริการของคุณได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่บางคนที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจหรือสร้างแบรด์ของตัวเองอาจได้ลองทำไปบ้างแล้ว แต่สิ่งที่คุณทำไปเพียงพอหรือยัง? มีวิธีที่จะช่วยสร้างยอดขายและรายได้ให้กับธุรกิจของคุณอีกไหม? ในบทความนี้ DTK AD มีคำตอบมาให้คุณค่ะ ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกันหน่อยว่าการตลาดออนไลน์ คืออะไรกันแน่?

 

การตลาดออนไลน์ คืออะไร?

การตลาดออนไลน์ คือ

การตลาดออนไลน์ (Online Marketing) หรืออีกชื่อที่นักการตลาดมักเรียกกันคือ Digital Marketing คือการทำการตลาดในทุกรูปแบบที่เกิดขึ้นบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งธุรกิจจะใช้ประโยชน์จากช่องทางออนไลน์ต่างๆ เช่น Search Engine อย่างกูเกิ้ล โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ อีเมล ฯลฯ เพื่อเชื่อมต่อหรือสื่อสารกับลูกค้า ทั้งลูกค้าปัจจุบันรวมถึงคนที่อาจจะกลายมาเป็นลูกค้าในอนาคตด้วย

 

การตลาดออนไลน์ สำคัญต่อธุรกิจคุณอย่างไร? 

การตลาดแบบออนไลน์ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงผู้บริโภคจำนวนมหาศาลได้ ทั้งยังมีความแม่นยำในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายและประหยัดงบได้มากกว่าการทำการตลาดแบบดั้งเดิม เลยเป็นสิ่งที่ทุกๆ ธุรกิจจะขาดไม่ได้ เราลองมาดูกันว่าการตลาดออนไลน์จะช่วยสร้างประโยชน์ให้ธุรกิจของคุณได้อย่างไรบ้าง

1. เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างและง่าย เพิ่มโอกาสในการเป็นที่รู้จัก

2. ธุรกิจสามารถโฟกัสกลุ่มเป้าหมายที่ทำให้เกิดยอดขายได้จริง

3. ราคาถูกกว่าการทำการตลาดหรือโฆษณาแบบดั้งเดิม

4. ช่วยให้คุณไปแข่งขันกับแบรนด์ใหญ่ๆ ได้

5. สามารถวัดผลได้

6. ง่ายต่อการปรับแต่งหรือเพิ่มประสิทธิภาพ

7. ช่วยเพิ่ม Conversion Rate และคุณภาพในการขาย

8. ช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคได้ในทุกๆ Touchpoint

9. สามารถซื้อขายโดยไม่ต้องมีหน้าร้านออฟไลน์

10. ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของระยะทางจะอยู่ใกล้หรือไกล อยู่ต่างจังหวัดก็สามารถขายของได้

11. งบน้อยก็สามารถทำโฆษณาได้

 

รวม 7 วิธีทำ การตลาดออนไลน์ ให้คุณอยู่เหนือคู่แข่ง

1. สร้างบัญชี Social Media ทุกแพลตฟอร์ม สะพานขนาดใหญ่ที่จะเชื่อมต่อคุณกับผู้บริโภค

โซเชียลมีเดีย

อย่างที่รู้กันว่าปัจจุบันผู้คนใช้โซเชียลมีเดียกันจำนวนมาก เช่น Facebook, Instagram, Twitter, Line, Tiktok, Youtube และผู้ใช้แค่คนเดียวก็ยังใช้โซเชียลหลายแพลตฟอร์มอีกด้วย ดังนั้นที่นี่จึงเป็นแหล่งขุมทรัพย์ชั้นดีของแบรนด์ทั้งหลายที่สามารถจะโปรโมตแบรนด์ คอนเทนต์ สินค้าหรือบริการ ผ่านสื่อต่างๆ อย่างข้อความ รูปภาพ วิดีโอมาดึงดูดความสนใจของผู้คนได้อย่างดี 

โซเชียลมีเดียมีประโยชน์หลากหลายมาก หากแบรนด์สามารถใช้มันสร้างการรับรู้แบรนด์ คอยสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าอยู่เรื่อยๆ ด้วยการลงคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ สร้าง Traffic และ Engagement เข้าสู่เว็บไซต์และสร้างโอกาสในการขายได้มหาศาล อยากใช้โซเชียลมีเดียสร้างประโยชน์ให้ธุรกิจ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Social Media Marketing (SMM) คืออะไร? ทำอย่างไรให้ยอดขายพุ่ง ธุรกิจโต

นอกจากนี้โซเชียลมีเดียบางแพลตฟอร์มได้พัฒนาตัวเองให้มีฟีเจอร์ขายของเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับธุรกิจ เช่น Facebook Shop, LINE Shopping, Tiktok Shop ที่ให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มได้โดยตรง ทำให้ย่นระยะเวลาในกระบวนการซื้อ การจ่ายเงิน และเพิ่มโอกาสสร้าง Conversion ให้กับแบรนด์

 

2. ใช้ Content ดึงดูดผู้คน สร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ ทำให้ลูกค้าอยากติดตามไปนานๆ

Content is King คำนี้ใช้ได้ทุกยุคและทุกสถานการณ์แม้แต่การตลาดก็ด้วย เพราะคอนเทนต์เป็นตัวดึงดูดและโน้มน้าวใจผู้บริโภคให้ทำในสิ่งที่แบรนด์ต้องการได้ อยากให้คนมาซื้อสินค้า ก็ทำคอนเทนต์โปรโมตสินค้า อาจจะบอกจุดเด่น หรือบอกข้อดี-ข้อเสีย เปรียบเทียบระหว่างการใช้สินค้ากับไม่ได้ใช้ เพื่อดึงให้คนสนใจหรือดึง traffic เข้าไปยังเว็บไซต์ เพราะฉะนั้นจะต้องสร้างคอนเทนต์เล่าเรื่องเจ๋งๆ เพื่อให้คนไปอ่านต่อในเว็บ ซึ่งช่องทางที่ให้คุณสามารถสื่อสารคอนเทนต์ออกไปได้ก็มีหลายช่องทางให้แบรนด์สามารถเลือกใช้ได้ตามที่เหมาะสมกับแบรนด์และสินค้าของคุณ ตัวอย่างเช่น Social Media, Blog, Video, Podcast แต่ถ้าแบรนด์สามารถประยุกต์จุดเด่นของแต่ละแพลตฟอร์มให้เข้ากับธุรกิจ ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้กับธุรกิจได้เหมือนกัน

ทั้งนี้ การใช้คอนเทนต์เพื่อดึงดูดลูกค้าให้สำเร็จได้ คุณก็จำเป็นต้องมีสิ่งเหล่านี้ด้วย คือ ต้องทำคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและเกี่ยวข้องกับความสนใจของลูกค้า มีความอัปเดต ตามเทรนด์ อะไรที่ไวรัลและเหมาะกับแบรนด์ ไม่สร้างผลกระทบทางลบให้แบรนด์ อย่าพลาดที่จะเข้าร่วมด้วย หรือจะให้ดีถ้าคุณสามารถเป็นผู้นำเทรนด์ได้เอง ผลตอบรับที่ดีจะตามมาอย่างมหาศาลค่ะ ทั้งการรับรู้แบรนด์ ยอดฟอล การมีปฏิสัมพันธ์ ยอดขาย ศึกษาวิธีสร้างคอนเทนต์ให้ดึงดูดลูกค้าได้อยู่หมัด สามารถอ่านเพิ่มเติมที่ Content Marketing คืออะไร? สร้างกลยุทธ์สื่อสารอย่างไรให้เห็นผลจริง?

 

3. ทำ SEO และ SEM ดันเว็บไซต์สู่สายตาผู้บริโภค

SEO และ SEM

การทำ SEO และ SEM จะช่วยทำให้ผู้บริโภคได้เห็นเว็บไซต์ของเราจากการใช้ Search Engine บน Google ในการค้นหาข้อมูล  โดยจะทำให้เว็บไซต์ของแบรนด์อยู่ในหน้าแรกและอยู่ในตำแหน่งบนๆ ของหน้าผลการค้นหา (SERP) ทำให้ผู้ค้นหาเห็นได้ง่ายและเพิ่มโอกาสที่จะถูกคลิกมากขึ้น

การทำ SEO จะเป็นการปรับแต่งเนื้อหาในเว็บไซต์ให้เป็นไปตามเกณฑ์หรือระบบอัลกอริทึมของกูเกิ้ล โดยการเขียนเนื้อหาที่มีคุณภาพ เลือกใช้คีย์เวิร์ดที่ถูกเสิร์ชจำนวนมาก และปรับแต่งองค์ประกอบอื่นๆ ในเว็บไซต์ ซึ่งสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่บทความ SEO คืออะไร? เผยทริคทำ SEO ให้ติดหน้าแรกบน Google เมื่อคุณทำได้ตามเกณฑ์ของกูเกิ้ลพร้อมกับมีคนเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณจำนวนมาก เว็บไซต์ก็จะค่อยๆ ไต่อันดับขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งที่ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องอาศัยระยะเวลา การเขียนคอนเทนต์ที่ดี และมีความรู้ในการทำ SEO โดยจะใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือนขึ้นอยู่กับคีย์เวิร์ดที่ใช้ หรืออาจเร็วกว่านั้นถ้าเราสามารถคาดการล่วงหน้าได้ว่าคีย์เวิร์ดนี้จะถูกค้นหาในอีกไม่กี่วันข้างหน้าและมีเราคนเดียวที่ใช้ก็จะยิ่งทำให้มีโอกาสติดหน้าแรกอย่างรวดเร็ว

ส่วน SEM จะเป็นการซื้อโฆษณาให้เว็บไซต์ของคุณอยู่ในตำแหน่งบนสุดของหน้าผลการค้นหา โดยจะเป็นตำแหน่งที่อยู่เหนือเว็บที่ติดอันดับต้นๆ ด้วยวิธีการทำ SEO ปกติ ซึ่งจะสังเกตได้จากจะมีข้อความกำกับว่า “Ad” หรือ “โฆษณา” อยู่ด้านหน้า ซึ่งการทำ SEM จะช่วยเพิ่ม Website Traffic ได้ไวโดยไม่ต้องเสียเวลารอ 1-3 เดือน เหมือนการทำ SEO หรือต้องปรับปรุงเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับ SEO แต่ถ้าคุณหยุดทำโฆษณามันก็จะหายไปทันที รูปแบบการเสียเงินจะถูกคิดจากการที่มีคนกดคลิกที่โฆษณา ตามจำนวนคลิก (Pay Per Click) ส่วนค่าใช้จ่ายต่อคลิกจะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับคีย์เวิร์ดที่เลือกใช้ ความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ และคู่แข่งเป็นต้น

สำหรับแบรนด์ที่มีงบในการทำการตลาดและมีเว็บไซต์ คุณสามารถเลือกทำได้ทั้ง SEO และ SEM ควบคู่กันไปเพื่อสร้างโอกาสให้ผู้ที่ค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวกับแบรนด์ของคุณมาเจอเว็บไซต์ ระหว่างรอ SEO ที่กำลังขึ้นให้มันขึ้นมาติดในหน้าแรก  เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสและเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

 

4. ใช้ Google Business Profile ปักหมุดร้าน ให้ลูกค้าเจอคุณได้ง่ายๆ 

Google Business Profile หรือเมื่อก่อนใช้ชื่อว่า Google My Business เป็นบริการฟรีจากกูเกิลที่ให้ธุรกิจร้านค้าใส่ข้อมูลร้านของตัวเองเข้าไปในฐานข้อมูล เช่น ชื่อร้าน เบอร์โทร วันและเวลาเปิด-ปิดร้าน เว็บไซต์ จากนั้นหากมีคนเสิร์ชหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับร้านค้าของเรา มันก็จะแสดงข้อมูลขึ้นมาบน Google Search และ Google Map นอกจากนี้ หากมีคนเสิร์ชบน Google Map เพื่อหาร้านค้าในบริเวณที่ร้านของคุณตั้งอยู่ ก็จะมีหมุดของร้านคุณพร้อมข้อมูลแสดงขึ้นมาอีกด้วย ทำให้ลูกค้าเจอกับร้านของคุณง่ายขึ้น

เช่น เวลาที่เราไปเที่ยวต่างจังหวัด เราไม่รู้หรอกว่าตรงไหนมีโรงแรมหรือมีร้านอาหารอยู่ เราก็จะใช้วิธีการค้นหาข้อมูลผ่าน Google เป็นวิธีในการเอาตัวรอดขั้นพื้นฐานที่ทุกคนส่วนใหญ่ใช้กันเลยก็ว่าได้ ซึ่งหลายๆ ร้านที่มีการทำ GBP ก็จะโผล่ขึ้นมาโชว์รายละเอียดอยู่บน Google Map ทำให้เพิ่มโอกาสที่จะถูกเลือกใช้บริการได้ เนื่องจากมีข้อมูลให้ลูกค้าเห็น ส่วนร้านที่ไม่ได้ทำข้อมูลเอาไว้ก็จะพลาดโอกาสได้ลูกค้าใหม่ๆ ไปนั่นเอง

อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญคือ การแสดงคะแนนรีวิวจากลูกค้าที่มาใช้บริการแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยโน้มน้าวใจผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกร้านอาหารอย่างมาก ถ้าคุณมีรีวิวที่ดี ก็เพิ่มโอกาสที่จะดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ เข้ามายังร้านของคุณมากขึ้นค่ะ นอกจากนี้คุณยังสามารถสร้างโพสต์ เพิ่มรูปภาพ เพื่อโปรโมตร้าน, มีกล่องข้อความให้ลูกค้าสอบถามข้อมูลแบบเรียลไทม์อีกด้วยค่ะ 

 

5. ใช้ Influencer ช่วยโปรโมต เพิ่มลูกค้าใหม่ สร้างความน่าเชื่อถือให้แบรนด์

การตลาดออนไลน์ ทำยังไง

ปัจจุบัน Influencer หรือที่เรียกว่าผู้มีอิทธิพลบนโซเชียลมีเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก อย่างที่รู้กันว่าพวกเหล่าอินฟลูก็จะมีผู้ที่ชื่นชอบและผู้ติดตามจำนวนมากตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักล้านคน อินฟลูก็เลยเป็นอีกตัวเลือกสำหรับแบรนด์ ดังนั้น การให้คนดังเหล่านี้มาโปรโมตโฆษณาสินค้าหรือบริการให้ โดยทำเป็นคอนเทนต์ในสไตล์ของอินฟลูลง Social Media ของตัวเอง ก็จะช่วยโน้มน้าวใจผู้ติดตามของพวกเขาได้เป็นอย่างดี เหมือนมีเพื่อนมาคอยบอกต่อว่าสินค้านี้ใช้ดีจริง ไม่ใช่เห็นโฆษณาจากแบรนด์ ก็จะดูมีความน่าเชื่อถือมากกว่าแบรนด์มาพูดหรือโปรโมตของตัวเอง แถมได้กลุ่มเป้าหมายที่มีไลฟ์สไตล์ตรงกับที่แบรนด์ต้องการ

หากอยากศึกษาเทคนิคการใช้อินฟลูสร้างยอดขายให้แบรนด์ สามารถอ่านได้ที่บทความ Influencer Marketing คืออะไร? พร้อม How to ใช้อย่างไรให้แบรนด์ดัง ยอดขายพุ่ง 

 

6. Collaboration กับแบรนด์อื่นๆ เพื่อเพิ่มกลุ่มเป้าหมายใหม่แบบ วิน-วิน ทั้งคู่

เป็นการร่วมมือกันระหว่าง 2 แบรนด์เพื่อสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งจะร่วมมือกันทั้งในเรื่องของงบประมาณ ทรัพยากร เพื่อออกแบบสร้างสรรค์ออกมาเป็นสินค้าหรือบริการใหม่ร่วมกัน เช่นแบรนด์ร้านอาหารที่หลายๆ คนต้องรู้จักอย่าง Bar B Q Plaza คอลแลปกับ Pizza Hut ออกมาเป็นสินค้าใหม่คือ พิซซ่าในรูปแบบปิ้งย่าง และ BBQ Plaza ในรูปแบบของพิซซ่า ซึ่งเป็นแบรนด์ที่เป็นตัวตึงในตลาดของตัวเองทั้งคู่ พอมาคอลแลปกันยิ่งสร้างความตื่นเต้น ความอยากลองให้ลูกค้าของทั้ง 2 แบรนด์ รวมถึงกลุ่มผู้บริโภคอื่นๆ ที่ยังไม่ได้เป็นลูกค้าด้วย 

หรือบางแบรนด์ Collab กับศิลปินนักร้อง นักออกแบบดีไซน์ที่มีชื่อเสียง หรือแม้แต่การ์ตูนอนิเมะ ซึ่งคนละประเภทธุรกิจกันเลยก็มี ทำให้ได้กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ

ประโยชน์ในการร่วมมือกับแบรนด์อื่นๆ คือ การได้กลุ่มลูกค้าเพิ่มโดยเป็นการแชร์กลุ่มลูกค้าร่วมกัน ช่วยลดต้นทุนในการผลิต และถ้าเลือกแบรนด์ที่มาคอลแลปได้เหมาะสม จะช่วยสร้างอิมแพค เพิ่มการรับรู้แบรนด์ไปในตัวอีกด้วย

 

7. SMS การตลาดที่ถูกมองข้าม แต่เข้าถึงลูกค้าได้แบบรายบุคคล

การทำการตลาดด้วย SMS เป็นอีกกลยุทธ์ที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเป็นวิธีที่ทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงลูกค้าได้แบบรายบุคคล และลูกค้าสามารถอ่านได้ง่ายตั้งแต่แจ้งเตือนโดยที่ยังไม่ได้ปลดล็อกหน้าจอด้วยซ้ำ และด้วยข้อความที่สั้นทำให้อ่านจบเร็วไม่ต้องใช้เวลาเยอะ แบรนด์จึงสามารถส่ง SMS ไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเพื่อโปรโมตสินค้าใหม่, ส่งโปรโมชั่นวันเกิด, Flash Sale, อัปเดตสถานะการส่งสินค้า, ข้อความขอบคุณ นอกจากนี้คุณยังสามารถกำหนดได้ด้วยว่าอยากส่งข้อความนี้ให้ลูกค้ากลุ่มไหน หรืออยากส่งให้แบบรายบุคคล เพื่อทำให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษ ประทับใจ  

 

อยากสร้างกลยุทธ์การตลาดให้แข็งแกร่งแบบรอบด้าน ทำอย่างไร? 

การทำการตลาดแต่ละวิธีให้ประสบความสำเร็จ เป็นไปตามจุดประสงค์ที่แบรนด์ต้องการล้วนต้องมีทีมกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง ทีมสร้างสรรค์ที่มีคุณภาพ และที่สำคัญต้องมีข้อมูลของลูกค้าให้มากที่สุด ยิ่งมีมากและละเอียดเท่าไหร่ ยิ่งทำให้แบรนด์สามารถส่งมอบสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้มากขึ้น ซึ่งก็ต้องอาศัยเครื่องมือเข้ามาช่วยเก็บข้อมูล การทำการตลาดให้ประสบความสำเร็จแบบไม่ต้องลองผิดลองถูก เห็นผลที่เติบโตได้เลยอาจต้องมีตัวช่วย 

DTK AD เราเป็นเอเจนซี่ที่มีทีมการตลาดมากประสบการณ์ที่ทำการตลาดให้กับแบรนด์ชั้นนำของญี่ปุ่นมากมาย และเชี่ยวชาญในวงการตลาดไทยมานานกว่า 10 ปี เราให้บริการวางแผนการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์แบบครบวงจร พร้อม Tool ที่เก็บข้อมูลได้อย่างแม่นยำ ทำให้แบรนด์เห็นผลลัพธ์ที่เติบโตได้แบบไม่ต้องลองทำเอง สามารถพูดคุยขอคำปรึกษาได้ก่อน ฟรี!

สรุป

การขายของออนไลน์ให้รอดในปัจจุบัน คุณจะขาดการทำการตลาดออนไลน์ไม่ได้ เพราะมันจะช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้าจำนวนมหาศาลได้แม้ว่าคุณจะยังเป็นแบรนด์เล็กๆ ที่ยังมีงบไม่มาก ก็สามารถทำการตลาดออนไลน์ที่เห็นผลได้ อีกทั้งถ้าคุณเข้าใจกลยุทธ์ในการทำ เลือกวิธีที่เหมาะสมกับธุรกิจ คุณจะดึงดูดลูกค้าเข้าร้าน และทำให้พวกเขาภักดีต่อแบรนด์คุณได้ในระยะยาว ดังนั้นคุณต้องรู้จักธุรกิจของตัวเอง รู้จุดแข็ง-จุดอ่อนของตัวเอง ควบคู่ไปกับการเรียนรู้เทคนิคด้านการตลาดด้วย

 

อ่านบทความด้านการตลาดเพิ่มเติมได้ที่นี่

 

ติดตามข้อมูลข่าวสารที่นักการตลาดต้องรู้ อัปเดตใหม่เรื่อยๆ ที่ Facebook: DTK AD Co., Ltd.

DTK AD

 

Source: [1]

 

Author: Wanna Julanon

SHARE : Facebook share Line share Twitter share Link shareCopied

บทความแนะนำ

เร็วๆ นี้

    ติดต่อสอบถามได้ที่นี่
    โปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อเรา