UPDATE : 2024/07/25
SHARE : Copied
บทความนี้จะพาไปรู้จัก PESTEL Analysis เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจทุกประเภทเข้าใจและปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมภายนอกที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำธุรกิจนั้นมักจะมีปัจจัยภายนอกต่างๆ ที่เป็นตัวแปรความเสี่ยงในตัวธุรกิจ ทำให้องค์กรต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์จึงจะสามารถเตรียมความพร้อมและวางแผนการดำเนินกิจการให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่มีอยู่
PESTEL เป็นเครื่องมือที่มีรากฐานมาจาก PEST ย่อมาจาก Political, Economic, Social และ Technological ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นในปี 1967 โดย Francis J. Aguilar แต่ต่อมาได้ถูกปรับปรุงเพื่อให้ครอบคลุมปัจจัยที่มากขึ้น โดยมีการเพิ่ม Environmental และ Legal เข้ามาทำให้กลายเป็นกลยุทธ์ PESTEL ที่เราใช้กันในปัจจุบัน เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถวิเคราะห์ได้อย่างครอบคลุมและละเอียดมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่อาจมีผลกระทบต่อการดำเนินกิจการและการพัฒนาขององค์กร ดังนี้:
ปัจจัยทางการเมือง เช่น กฎหมาย, นโยบายรัฐบาล, เสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ
ปัจจัยทางเศรษฐกิจ เช่น อัตราดอกเบี้ย, อัตราเงินเฟ้อ, การเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีผลต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนของธุรกิจ
ปัจจัยทางสังคม เช่น วัฒนธรรม, ค่านิยม, ประชากรศาสตร์ ซึ่งมีผลต่อความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภค
ปัจจัยทางเทคโนโลยี เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ, นวัตกรรม, การวิจัยและพัฒนา ซึ่งมีผลต่อการผลิตและการตลาด
ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีผลต่อการดำเนินธุรกิจและการผลิต
ปัจจัยทางกฎหมาย เช่น กฎหมายแรงงาน, กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค, กฎหมายสิทธิบัตร ซึ่งมีผลต่อการดำเนินธุรกิจและการตลาด
หลังจากที่เราได้ทำความรู้จักกับ PESTEL Analysis กันไปแล้ว ต่อไปเรามาดูวิธีการใช้เครื่องมือนี้ในการวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกกันดีกว่า
ให้เราระบุปัจจัยที่เกี่ยวข้องในแต่ละหมวดหมู่ จัดทำรายงานที่สรุปข้อมูลจากแต่ละหมวดหมู่ โดยใช้ตารางหรือแผนภูมิเพื่อช่วยในการสรุปและแสดงข้อมูลอย่างเป็นระบบ
วิเคราะห์นโยบายรัฐบาล, กฎหมาย, การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง, ความเสถียรภาพทางการเมือง
วิเคราะห์อัตราดอกเบี้ย, อัตราเงินเฟ้อ, การเติบโตทางเศรษฐกิจ, อัตราการว่างงาน, รายได้เฉลี่ยของประชากร
วิเคราะห์ประชากรศาสตร์, ค่านิยมทางสังคม, วัฒนธรรม, การศึกษา, แนวโน้มการใช้ชีวิต
วิเคราะห์การพัฒนาเทคโนโลยี, นวัตกรรม, การวิจัยและพัฒนา, การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี
วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม, ความยั่งยืน, การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ
วิเคราะห์กฎหมายแรงงาน, กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค, กฎหมายสิทธิบัตร, กฎหมายการค้า
ใช้แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เช่น รายงานจากรัฐบาล, รายงานวิจัย, ข้อมูลจากองค์กรระหว่างประเทศ, ข่าวสาร, บทวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ
ประเมินว่าปัจจัยแต่ละอย่างมีผลกระทบต่อธุรกิจอย่างไร ระบุโอกาสและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยเหล่านี้ และประเมินระดับความสำคัญของแต่ละปัจจัย (สูง, กลาง, ต่ำ)
จัดลำดับความสำคัญของปัจจัยต่างๆ ตามระดับผลกระทบและความสำคัญต่อธุรกิจ เน้นปัจจัยที่มีผลกระทบสูงและมีความสำคัญต่อการวางแผนกลยุทธ์
ใช้ข้อมูลจากการวิเคราะห์ในการวางแผนกลยุทธ์, การตัดสินใจทางธุรกิจ, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่, การเข้าสู่ตลาดใหม่ และปรับปรุงแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมภายนอกที่เปลี่ยนแปลง
เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากมายสำหรับองค์กร โดยเฉพาะในด้านการวางแผนกลยุทธ์และการตัดสินใจทางธุรกิจ มาดูกันว่ามีประโยชน์อย่างไรบ้าง
สามารถช่วยให้องค์กรเข้าใจปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อธุรกิจได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และกฎหมาย การเข้าใจปัจจัยเหล่านี้ช่วยให้องค์กรสามารถปรับตัวและเตรียมความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การวิเคราะห์ PESTEL ช่วยให้องค์กรสามารถระบุโอกาสที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ เช่น การสนับสนุนจากรัฐบาล หรือการเติบโตของตลาดใหม่ รวมถึงการระบุความเสี่ยงที่ต้องระวังและจัดการ เช่น การเปลี่ยนแปลงกฎหมาย หรือความไม่เสถียรทางเศรษฐกิจ
ข้อมูลจากการวิเคราะห์ PESTEL ช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนกลยุทธ์ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ โดยการใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การขยายตลาด และการปรับปรุงกระบวนการทำงาน
ช่วยให้องค์กรมีข้อมูลที่ครอบคลุมและเป็นระบบในการตัดสินใจทางธุรกิจ ทำให้การตัดสินใจมีความแม่นยำและมีพื้นฐานที่แข็งแรง ลดความเสี่ยงในการตัดสินใจผิดพลาด
การวิเคราะห์ PESTEL ช่วยให้องค์กรสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมภายนอกที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทำให้องค์กรสามารถเตรียมความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น
ผลการวิเคราะห์ PESTEL สามารถใช้ในการสื่อสารภายในองค์กร เพื่อให้ทีมงานและผู้บริหารทุกคนเข้าใจภาพรวมและทิศทางขององค์กร ทำให้การทำงานเป็นทีมมีความสอดคล้องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การใช้กลยุทธ์นี้ช่วยให้องค์กรสามารถระบุและใช้ประโยชน์จากโอกาสที่มีอยู่ในสภาพแวดล้อมภายนอก ทำให้องค์กรสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในตลาด
แม้ว่ากลยุทธ์นี้จะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อองค์กร แต่ก็มีข้อจำกัดที่ควรพิจารณา
การวิเคราะห์ PESTEL ต้องการข้อมูลที่ครอบคลุมและเป็นปัจจุบัน ซึ่งบางครั้งข้อมูลเหล่านี้อาจหายากหรือมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้ผลการวิเคราะห์อาจคลาดเคลื่อนได้
การตีความข้อมูลอาจแตกต่างกันไปตามมุมมองของผู้วิเคราะห์แต่ละคน ซึ่งอาจนำไปสู่ข้อสรุปหรือการตัดสินใจที่ไม่ตรงกัน
ปัจจัยภายนอก เช่น การเมือง เศรษฐกิจ และเทคโนโลยี มักเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ผลการวิเคราะห์ PESTEL ในช่วงเวลาหนึ่งอาจไม่ตรงกับสถานการณ์ปัจจุบันเมื่อเวลาผ่านไป
เน้นไปที่การวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกเท่านั้น โดยไม่ได้พิจารณาปัจจัยภายในองค์กร เช่น บุคลากร วัฒนธรรม หรือกระบวนการทำงาน ซึ่งก็มีผลต่อความสำเร็จขององค์กรไม่น้อยเลย
การวิเคราะห์ PESTEL มักจะแยกปัจจัยแต่ละด้านออกจากกัน ทำให้อาจมองข้ามความเชื่อมโยงหรือผลกระทบระหว่างปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อกันและกัน
การทำต้องใช้ทรัพยากรและเวลาพอสมควรในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งอาจเป็นภาระสำหรับองค์กรที่มีกำลังจำกัด
เพื่อให้เห็นภาพการใช้กลยุทธ์นี้ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น เรามาดูกรณีศึกษาของบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้ากันดีกว่า
เริ่มต้นด้วยการระบุปัจจัยสำคัญๆ ในแต่ละหมวดหมู่ของ PESTEL ไม่ว่าจะเป็นนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าจากรัฐบาล (Political), ราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ย (Economic), ความตระหนักรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมของผู้บริโภค (Social), การพัฒนาแบตเตอรี่และเทคโนโลยีการชาร์จ (Technological), กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental), และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า (Legal)
ต่อมาเป็นการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ เช่น รายงานจากรัฐบาล, งานวิจัย, ข้อมูลจากองค์กรระหว่างประเทศ, ข่าวสาร, และบทวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน
จากนั้นก็นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ว่าปัจจัยแต่ละด้านมีผลกระทบต่อธุรกิจอย่างไร ทั้งในแง่ของโอกาสและความเสี่ยง พร้อมทั้งประเมินระดับความสำคัญของแต่ละปัจจัย เช่น นโยบายสนับสนุนจากรัฐบาลถือเป็นโอกาสในการขยายตลาด แต่ก็ต้องระวังการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้วย ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญสูง
เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลแล้ว ก็นำมาจัดลำดับความสำคัญของปัจจัยต่างๆ โดยแบ่งเป็นระดับสูงและกลาง ซึ่งในกรณีนี้ปัจจัยด้าน Political, Economic, Technological และ Legal ถือเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญสูง ส่วน Social และ Environmental จัดอยู่ในระดับกลาง
สุดท้ายคือการนำผลการวิเคราะห์ไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนกลยุทธ์ การตัดสินใจทางธุรกิจ การปรับปรุงและพัฒนากระบวนการ รวมถึงการสื่อสารภายในองค์กร เพื่อให้ทุกคนเข้าใจภาพรวมและทิศทางขององค์กรไปในแนวทางเดียวกัน
แม้ว่า PESTEL Analysis จะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการวิเคราะห์ปัจจัยภายนอก แต่ก็มีข้อจำกัดที่ควรพิจารณา การใช้กลยุทธ์นี้จึงควรทำควบคู่กับการวิเคราะห์อื่นๆ เช่น SWOT Analysis หรือการวิเคราะห์ปัจจัยภายในองค์กร เพื่อให้ได้ภาพรวมที่ครบถ้วนและสามารถนำไปใช้ในการวางแผนกลยุทธ์และการตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างดีมากยิ่งขึ้น ก็ขอให้ทุกคนได้ลองนำไปใช้ ขอให้ประสบความสำเร็จทุกท่าน!
Survey สำคัญกับการทำ การตลาดออนไลน์ อย่างไร? อยากปั้นแบรนด์ให้โตด้วย Data ต้องอ่าน!
ติดตามข้อมูลข่าวสารที่นักการตลาดต้องรู้ อัปเดตใหม่เรื่อยๆ ที่ Facebook: DTK AD Co., Ltd.
SHARE : Copied
บทความล่าสุด
CATEGORY
TAGS