PESTEL Analysis คืออะไร? เครื่องมือวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกที่นักการตลาดต้องรู้

UPDATE : 2024/07/25

Market Research

SHARE : Facebook share Line share Twitter share Link shareCopied

บทความนี้จะพาไปรู้จัก PESTEL Analysis เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจทุกประเภทเข้าใจและปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมภายนอกที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำธุรกิจนั้นมักจะมีปัจจัยภายนอกต่างๆ ที่เป็นตัวแปรความเสี่ยงในตัวธุรกิจ ทำให้องค์กรต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์จึงจะสามารถเตรียมความพร้อมและวางแผนการดำเนินกิจการให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่มีอยู่

PESTEL Analysis

PESTEL Analysis คืออะไร?

PESTEL เป็นเครื่องมือที่มีรากฐานมาจาก PEST ย่อมาจาก Political, Economic, Social และ Technological ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นในปี 1967 โดย Francis J. Aguilar แต่ต่อมาได้ถูกปรับปรุงเพื่อให้ครอบคลุมปัจจัยที่มากขึ้น โดยมีการเพิ่ม Environmental และ Legal เข้ามาทำให้กลายเป็นกลยุทธ์ PESTEL ที่เราใช้กันในปัจจุบัน เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถวิเคราะห์ได้อย่างครอบคลุมและละเอียดมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่อาจมีผลกระทบต่อการดำเนินกิจการและการพัฒนาขององค์กร ดังนี้:

  1. Political (การเมือง)

ปัจจัยทางการเมือง เช่น กฎหมาย, นโยบายรัฐบาล, เสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ

  1. Economic (เศรษฐกิจ)

ปัจจัยทางเศรษฐกิจ เช่น อัตราดอกเบี้ย, อัตราเงินเฟ้อ, การเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีผลต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนของธุรกิจ

  1. Social (สังคม)

ปัจจัยทางสังคม เช่น วัฒนธรรม, ค่านิยม, ประชากรศาสตร์ ซึ่งมีผลต่อความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภค

  1. Technological (เทคโนโลยี)

ปัจจัยทางเทคโนโลยี เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ, นวัตกรรม, การวิจัยและพัฒนา ซึ่งมีผลต่อการผลิตและการตลาด

  1. Environmental (สิ่งแวดล้อม)

ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีผลต่อการดำเนินธุรกิจและการผลิต

  1. Legal (กฎหมาย)

ปัจจัยทางกฎหมาย เช่น กฎหมายแรงงาน, กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค, กฎหมายสิทธิบัตร ซึ่งมีผลต่อการดำเนินธุรกิจและการตลาด

 

วิธีการใช้ PESTEL Analysis 

หลังจากที่เราได้ทำความรู้จักกับ PESTEL Analysis กันไปแล้ว ต่อไปเรามาดูวิธีการใช้เครื่องมือนี้ในการวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกกันดีกว่า

ขั้นตอนที่ 1 : ระบุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง

ให้เราระบุปัจจัยที่เกี่ยวข้องในแต่ละหมวดหมู่ จัดทำรายงานที่สรุปข้อมูลจากแต่ละหมวดหมู่ โดยใช้ตารางหรือแผนภูมิเพื่อช่วยในการสรุปและแสดงข้อมูลอย่างเป็นระบบ

  1. Political (การเมือง)

วิเคราะห์นโยบายรัฐบาล, กฎหมาย, การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง, ความเสถียรภาพทางการเมือง

  1. Economic (เศรษฐกิจ)

วิเคราะห์อัตราดอกเบี้ย, อัตราเงินเฟ้อ, การเติบโตทางเศรษฐกิจ, อัตราการว่างงาน, รายได้เฉลี่ยของประชากร

  1. Social (สังคม)

วิเคราะห์ประชากรศาสตร์, ค่านิยมทางสังคม, วัฒนธรรม, การศึกษา, แนวโน้มการใช้ชีวิต

  1. Technological (เทคโนโลยี)

วิเคราะห์การพัฒนาเทคโนโลยี, นวัตกรรม, การวิจัยและพัฒนา, การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี

  1. Environmental (สิ่งแวดล้อม)

วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม, ความยั่งยืน, การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ

  1. Legal (กฎหมาย)

วิเคราะห์กฎหมายแรงงาน, กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค, กฎหมายสิทธิบัตร, กฎหมายการค้า

ขั้นตอนที่ 2 : รวบรวมข้อมูล

ใช้แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เช่น รายงานจากรัฐบาล, รายงานวิจัย, ข้อมูลจากองค์กรระหว่างประเทศ, ข่าวสาร, บทวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ

ขั้นตอนที่ 3 : วิเคราะห์ข้อมูล

ประเมินว่าปัจจัยแต่ละอย่างมีผลกระทบต่อธุรกิจอย่างไร ระบุโอกาสและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยเหล่านี้ และประเมินระดับความสำคัญของแต่ละปัจจัย (สูง, กลาง, ต่ำ)

ขั้นตอนที่ 4 : จัดลำดับความสำคัญ

จัดลำดับความสำคัญของปัจจัยต่างๆ ตามระดับผลกระทบและความสำคัญต่อธุรกิจ เน้นปัจจัยที่มีผลกระทบสูงและมีความสำคัญต่อการวางแผนกลยุทธ์

ขั้นตอนที่ 5 : นำผลการวิเคราะห์ไปใช้

ใช้ข้อมูลจากการวิเคราะห์ในการวางแผนกลยุทธ์, การตัดสินใจทางธุรกิจ, การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่, การเข้าสู่ตลาดใหม่ และปรับปรุงแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมภายนอกที่เปลี่ยนแปลง

 

การใช้ PESTEL Analysis ดีกับองค์กรอย่างไร

เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากมายสำหรับองค์กร โดยเฉพาะในด้านการวางแผนกลยุทธ์และการตัดสินใจทางธุรกิจ มาดูกันว่ามีประโยชน์อย่างไรบ้าง

  1. การเข้าใจสภาพแวดล้อมภายนอก

สามารถช่วยให้องค์กรเข้าใจปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อธุรกิจได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และกฎหมาย การเข้าใจปัจจัยเหล่านี้ช่วยให้องค์กรสามารถปรับตัวและเตรียมความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  1. การระบุโอกาสและความเสี่ยง

การวิเคราะห์ PESTEL ช่วยให้องค์กรสามารถระบุโอกาสที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ เช่น การสนับสนุนจากรัฐบาล หรือการเติบโตของตลาดใหม่ รวมถึงการระบุความเสี่ยงที่ต้องระวังและจัดการ เช่น การเปลี่ยนแปลงกฎหมาย หรือความไม่เสถียรทางเศรษฐกิจ

  1. การวางแผนกลยุทธ์

ข้อมูลจากการวิเคราะห์ PESTEL ช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนกลยุทธ์ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ โดยการใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การขยายตลาด และการปรับปรุงกระบวนการทำงาน

  1. การตัดสินใจที่มีข้อมูลสนับสนุน

ช่วยให้องค์กรมีข้อมูลที่ครอบคลุมและเป็นระบบในการตัดสินใจทางธุรกิจ ทำให้การตัดสินใจมีความแม่นยำและมีพื้นฐานที่แข็งแรง ลดความเสี่ยงในการตัดสินใจผิดพลาด

  1. การปรับตัวและการเตรียมความพร้อม

การวิเคราะห์ PESTEL ช่วยให้องค์กรสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมภายนอกที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทำให้องค์กรสามารถเตรียมความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น

  1. การสื่อสารภายในองค์กร

ผลการวิเคราะห์ PESTEL สามารถใช้ในการสื่อสารภายในองค์กร เพื่อให้ทีมงานและผู้บริหารทุกคนเข้าใจภาพรวมและทิศทางขององค์กร ทำให้การทำงานเป็นทีมมีความสอดคล้องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

  1. การสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

การใช้กลยุทธ์นี้ช่วยให้องค์กรสามารถระบุและใช้ประโยชน์จากโอกาสที่มีอยู่ในสภาพแวดล้อมภายนอก ทำให้องค์กรสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในตลาด

 

การใช้ PESTEL Analysis มีข้อจำกัดอะไรบ้าง 

แม้ว่ากลยุทธ์นี้จะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อองค์กร แต่ก็มีข้อจำกัดที่ควรพิจารณา

  1. ความซับซ้อนและความไม่แน่นอนของข้อมูล

การวิเคราะห์ PESTEL ต้องการข้อมูลที่ครอบคลุมและเป็นปัจจุบัน ซึ่งบางครั้งข้อมูลเหล่านี้อาจหายากหรือมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้ผลการวิเคราะห์อาจคลาดเคลื่อนได้

  1. การตีความข้อมูลที่แตกต่างกัน

การตีความข้อมูลอาจแตกต่างกันไปตามมุมมองของผู้วิเคราะห์แต่ละคน ซึ่งอาจนำไปสู่ข้อสรุปหรือการตัดสินใจที่ไม่ตรงกัน

  1. การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของปัจจัยภายนอก

ปัจจัยภายนอก เช่น การเมือง เศรษฐกิจ และเทคโนโลยี มักเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ผลการวิเคราะห์ PESTEL ในช่วงเวลาหนึ่งอาจไม่ตรงกับสถานการณ์ปัจจุบันเมื่อเวลาผ่านไป

  1. การมองข้ามปัจจัยภายใน

เน้นไปที่การวิเคราะห์ปัจจัยภายนอกเท่านั้น โดยไม่ได้พิจารณาปัจจัยภายในองค์กร เช่น บุคลากร วัฒนธรรม หรือกระบวนการทำงาน ซึ่งก็มีผลต่อความสำเร็จขององค์กรไม่น้อยเลย

  1. การแยกปัจจัยออกจากกัน

การวิเคราะห์ PESTEL มักจะแยกปัจจัยแต่ละด้านออกจากกัน ทำให้อาจมองข้ามความเชื่อมโยงหรือผลกระทบระหว่างปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อกันและกัน

  1. การใช้ทรัพยากรและเวลา

การทำต้องใช้ทรัพยากรและเวลาพอสมควรในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งอาจเป็นภาระสำหรับองค์กรที่มีกำลังจำกัด

 

Case Study การใช้ PESTEL Analysis

เพื่อให้เห็นภาพการใช้กลยุทธ์นี้ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น เรามาดูกรณีศึกษาของบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้ากันดีกว่า

ขั้นตอนที่ 1 : ระบุปัจจัยที่เกี่ยวข้องในแต่ละหมวดหมู่

เริ่มต้นด้วยการระบุปัจจัยสำคัญๆ ในแต่ละหมวดหมู่ของ PESTEL ไม่ว่าจะเป็นนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าจากรัฐบาล (Political), ราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ย (Economic), ความตระหนักรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมของผู้บริโภค (Social), การพัฒนาแบตเตอรี่และเทคโนโลยีการชาร์จ (Technological), กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental), และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า (Legal)

ขั้นตอนที่ 2 : รวบรวมข้อมูล

ต่อมาเป็นการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ที่น่าเชื่อถือ เช่น รายงานจากรัฐบาล, งานวิจัย, ข้อมูลจากองค์กรระหว่างประเทศ, ข่าวสาร, และบทวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน

ขั้นตอนที่ 3 : วิเคราะห์ข้อมูล

จากนั้นก็นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ว่าปัจจัยแต่ละด้านมีผลกระทบต่อธุรกิจอย่างไร ทั้งในแง่ของโอกาสและความเสี่ยง พร้อมทั้งประเมินระดับความสำคัญของแต่ละปัจจัย เช่น นโยบายสนับสนุนจากรัฐบาลถือเป็นโอกาสในการขยายตลาด แต่ก็ต้องระวังการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้วย ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญสูง

ขั้นตอนที่ 4 : จัดลำดับความสำคัญ

เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลแล้ว ก็นำมาจัดลำดับความสำคัญของปัจจัยต่างๆ โดยแบ่งเป็นระดับสูงและกลาง ซึ่งในกรณีนี้ปัจจัยด้าน Political, Economic, Technological และ Legal ถือเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญสูง ส่วน Social และ Environmental จัดอยู่ในระดับกลาง

ขั้นตอนที่ 5 : นำผลการวิเคราะห์ไปใช้

สุดท้ายคือการนำผลการวิเคราะห์ไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนกลยุทธ์ การตัดสินใจทางธุรกิจ การปรับปรุงและพัฒนากระบวนการ รวมถึงการสื่อสารภายในองค์กร เพื่อให้ทุกคนเข้าใจภาพรวมและทิศทางขององค์กรไปในแนวทางเดียวกัน

 

บทสรุป 

แม้ว่า PESTEL Analysis จะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการวิเคราะห์ปัจจัยภายนอก แต่ก็มีข้อจำกัดที่ควรพิจารณา การใช้กลยุทธ์นี้จึงควรทำควบคู่กับการวิเคราะห์อื่นๆ เช่น SWOT Analysis หรือการวิเคราะห์ปัจจัยภายในองค์กร เพื่อให้ได้ภาพรวมที่ครบถ้วนและสามารถนำไปใช้ในการวางแผนกลยุทธ์และการตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างดีมากยิ่งขึ้น ก็ขอให้ทุกคนได้ลองนำไปใช้ ขอให้ประสบความสำเร็จทุกท่าน!

 

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่นี่

ติดตามข้อมูลข่าวสารที่นักการตลาดต้องรู้ อัปเดตใหม่เรื่อยๆ ที่ Facebook: DTK AD Co., Ltd.

DTK AD

SHARE : Facebook share Line share Twitter share Link shareCopied

บทความแนะนำ

เร็วๆ นี้

    ติดต่อสอบถามได้ที่นี่
    โปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อเรา