UPDATE : 2023/03/30
SHARE : Copied
Content คือสิ่งที่แบรนด์ใช้สื่อสารกับลูกค้าเป็นประจำ ถ้าวางกลยุทธ์ทำ Content Marketing ออกมาใช้สื่อสารได้ดี ทั้งในส่วนของ Key message และดีไซน์ การทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกล
อาจฟังดูเว่อร์ แต่การทำการตลาดด้วยคอนเทนต์เป็นสิ่งที่แบรนด์ทั่วโลกทุ่มทุนลงแรงทำอย่างแข็งขัน คุณอยากให้ลูกค้าเห็นแบรนด์แบบไหน หรืออยากให้มาร่วมมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ อยากให้มาซื้อสินค้า ก็ขึ้นอยู่กับคอนเทนต์ที่จะชี้นำหรือดึงดูดได้มากแค่ไหน คอนเทนต์เรียกได้ว่าเป็นหัวใจหลักสำคัญ ไม่ว่าคุณจะวางกลยุทธ์ได้ดีแค่ไหน ทำการตลาดได้เก่งแค่ไหน แต่ถ้าคอนเทนต์ของคุณไม่น่าสนใจก็อาจจะไม่ประสบความสำเร็จ หรืออาจจะต้องใช้แรงมากกว่าเดิมในการทำการตลาด แต่ถ้าหากคุณสามารถทำคอนเทนต์ออกมาได้ดี คุณแทบจะไม่ต้องใช้เงินทำโฆษณาเลยก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์หรือวงการเอเจนซี่ไหนๆ ต่างก็ยกให้ “Content is King” การวางกลยุทธ์ทำ Content Marketing ที่ดีจะช่วยให้คุณทำการตลาดได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ เรามาดูกันว่ามีวิธีสร้างกลยุทธ์แบบไหนบ้างที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จ DTK AD จะมาเล่าให้ฟังในบทความนี้
Content Marketing คือ การทำการตลาดโดยสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่า และสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้า เพื่อจุดประสงค์ทางการตลาดบางอย่าง เช่น เพื่อสร้าง Brand Awareness (การรับรู้แบรนด์) สร้าง Engagement (การมีส่วนร่สวม) สร้างความสนใจอยากลองใช้สินค้า สร้างการตัดสินใจซื้อ ฯลฯ ทั้งนี้จำเป็นต้องมีกลยุทธ์ในการสื่อสาร และแต่ละคอนเทนต์ต้องมีคุณภาพ สามารถดึงดูดความสนใจได้มากพอ บางทีการโพสต์แค่คอนเทนต์เดียวอาจเปลี่ยนชีวิตของแบรนด์ สร้างยอดไลก์เพจได้ถล่มทลาย หรือสร้างยอดขายได้มหาศาลในข้ามคืนก็เป็นไปได้ เพราะมีหลายๆ แบรนด์ที่ทำแล้วดังเป็นพลุแตกให้เห็นมานักต่อนักแล้ว โดยการทำคอนเทนต์จะมีส่วนประกอบไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ ข้อความ หรือวิดีโอ นำมาทำเป็นเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ให้แก่กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ เพื่อสร้างการรับรู้ ความสนใจ และดึงดูดกลายเป็นลูกค้าได้ อยู่ที่ว่าใครจะมีไอเดียในการทำมากน้อยแค่ไหน สามารถประยุกต์มาใช้ให้เข้ากับแบรนด์ได้อย่างไร และคอนเทนต์ก็ยังมีหลายรูปแบบอีกด้วย
คอนเทนต์มีหลายรูปแบบให้แบรนด์เลือกใช้ตามวัตถุประสงค์ที่แบรนด์ต้องการ ซึ่งแต่ละรูปแบบมีข้อดีแตกต่างกันไป แต่ละอันจะมีเทคนิคการทำและสามารถให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน แต่เป็นประโยชน์ต่อการทำการตลาดอย่างแน่นอน ยิ่งถ้าสามารถวางกลยุทธ์ในการทำคอนเทนต์แต่ละรูปแบบออกมาได้ดี จะช่วยต่อยอดและดึงประสิทธิภาพออกมาทำให้เกิดประโยชน์ได้สูงสุด โดยรูปแบบของคอนเทนต์มีอะไรบ้างเรามาดูกัน
Blog หรือการสร้างเนื้อหาข้อมูลในเว็บไซต์ หรือที่เราเรียกกันว่าบทความ เหมาะกับการทำคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาค่อนข้างยาว เป็นการให้ข้อมูลความรู้ หรืออะไรที่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมาย เป็นสิ่งที่ลูกค้าจะต้องเข้ามาหาข้อมูลอย่างแน่นอน เช่น แนะนำผลิตภัณฑ์รถยนต์ รีวิวที่พัก ร้านอาหาร ให้ข้อมูลของการบริการ เพื่อทำให้ลูกค้าสามารถใช้ข้อมูลช่วยในการตัดสินใจซื้อหรือใช้บริการได้ง่ายขึ้น โดยสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าต่อผู้บริโภคเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกว่าเรามีความเชี่ยวชาญเป็นมืออาชีพในเรื่องนั้นๆ อีกทั้งเรายังสามารถต่อยอดในการทำการตลาดได้ไม่ว่าจะเป็น Pop-up, Banner หรือทำโฆษณากลับไปหาคนที่เคยเข้าเว็บไซต์ได้อีกด้วย หรือในบทความนั้นอาจจะมีปุ่ม CTA เพื่อให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าหรือจองบริการนั้นๆ ได้หากมีความสนใจ
โซเชียลมีเดียเป็นสื่อที่สังคมเราคุ้นชินกันดี ไม่ว่าจะเป็น Facebook Twitter Instagram Pinterest ฯลฯ เป็นช่องทางที่ผู้คนทั่วโลกใช้งานถึง 4.2 พันล้านคน ซึ่งเปรียบเสมือนตลาดขนาดใหญ่ที่รวมผู้บริโภคมหาศาลไว้ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมธุรกิจทั่วโลกถึงได้ทุ่มทุนกับการทำการตลาดในโซเชียลมีเดียของตัวเอง อีกทั้งแบรนด์ยังสามารถเผยแพร่สื่อได้หลายประเภทเพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย และลูกค้า ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มก็จะมีรูปแบบคอนเทนต์ที่แตกต่างกัน เช่น รูปภาพ วิดีโอ ไลฟ์ สตอรี่ เป็นต้น เพื่อประชาสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและเป็นวงกว้าง เป็นอีกช่องทางที่สร้างยอดขายให้กับหลายๆ แบรนด์ ต่อปีหลักหลายล้านบาท
เป็นภาพที่แสดงข้อมูลหรือเนื้อหายากๆ นำมาย่อยสรุปให้อ่านเข้าใจง่าย โดยการใช้คำที่กระชับ ดีไซน์ภาพให้เป็นสัดส่วนง่ายต่อการเข้าใจ คอนเทนต์ประเภทนี้มักนำมาใช้กับเนื้อหาเชิงให้ความรู้ บอกวิธีทำ ย่อยข้อมูลสถิติ ให้กลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าอ่านง่าย และยังได้ความรู้ ช่วยสร้างคุณค่าให้คอนเทนต์ได้อย่างดี
73% ของผู้บริโภคบอกว่า พวกเขาชอบที่จะทำความรู้จักสินค้าหรือบริการของแบรนด์ผ่านวิดีโอ นอกจากนี้วิดีโอช่วยเพิ่ม Conversion และ ROI เพราะวิดีโอทำให้เราได้เห็นภาพสินค้า และขนาดจริงแบบ Real ไม่เหมือนกับรูปภาพ อีกทั้งช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และผู้บริโภคได้อย่างดี คนส่วนใหญ่ชอบดูมากกว่าอ่าน ดังนั้นคอนเทนต์ประเภทนี้จึงเป็นสิ่งที่แบรนด์ควรนำมาแชร์ในโซเชียลมีเดีย เพื่อใช้ในการให้ข้อมูลของแบรนด์
เป็นสื่อในรูปแบบของเสียง ซึ่งผู้คนกว่า 60 ล้านคนฟังพอดคาสต์บน Spotify และ Apple Spotify ดังนั้นแบรนด์และสื่อมวลชนจำนวนมากจึงเริ่มทยอยทำช่องพอดคาสต์ออกมา คอนเทนต์ประเภทนี้มีสเน่ห์ตรงที่เสพง่าย ไม่ต้องดูหรืออ่าน อีกทั้งได้โฟกัสกับเรื่องราว น้ำเสียงผู้พูด เอฟเฟกต่างๆ มาดึงดูดความสนใจ สามารถฟังและทำอย่างอื่นไปด้วยได้
เว็บเพจ คือหน้าที่จะแสดงข้อมูล รูปภาพ หรือวิดีโอให้กับผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ โดยแบรนด์สามารถสร้างหน้าสินค้าหรือบริการ และใช้เทคนิคการทำ SEO เข้ามาช่วยในการปรับปรุงเนื้อหาภายในเว็บไซต์ให้ตอบรับกับอัลกอริทึมของ Search Engine เมื่อแบรนด์ทำ SEO ได้อย่างมีคุณภาพ เว็บไซต์จะติดอันดับต้นๆ บนหน้าผลการค้นหา ทำให้มีคนเข้าเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น และที่สำคัญคือ Traffic ที่ได้มาในเว็บไซต์จะเป็นแบบ Organic ก็คือเข้ามาฟรี ซึ่งไม่ต้องเสียเงินทำโฆษณาเลยสักบาท และมีโอกาสที่จะ Convert มาเป็นลูกค้าได้ค่อนข้างสูง ทำความรู้จักและเรียนรู้เกี่ยวกับกับ SEO เพิ่มเติม
ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไรก็ต้องใช้คอนเทนต์ในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายและลูกค้าเสมอ เพื่อทำให้เกิด Action ต่างๆ ตามมา ธุรกิจในปัจจุบันจึงให้ความสำคัญกับการสร้างคอนเทนต์และนำมาใช้ทางการตลาด เพื่อพัฒนาธุรกิจจนประสบความสำเร็จในที่สุด
แบรนด์สามารถใช้คอนเทนต์ในการกระตุ้นกลุ่มเป้าหมายได้ทุกๆ กระบวนการตัดสินใจซื้อ
เพราะคอนเทนต์ก็คือแบรนด์ ไม่ว่าคอนเทนต์รูปแบบไหนก็สามารถสร้างการรับรู้ได้ทั้งสิ้น ขอแค่ไปอยู่ในสายตาของกลุ่มเป้าหมายได้ เพียงแต่ถ้าคุณทำคอนเทนต์ที่ตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย หรือได้เห็นโพสต์ของคุณบ่อยๆ พวกเขาจะสามารถจดจำคุณได้
การสร้างคอนเทนต์ให้ความรู้ ไม่ว่าจะเป็น How-to รวม/สรุปข้อมูลที่เป็นประโยชน์และเป็นความจริง แนะนำไอเทมหรือทริคเด็ดๆ มาเผยแพร่อย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความเชื่อถือ รู้สึกว่าคุณเป็นผู้รู้จริง ทำให้เกิดการติดตาม รับข้อมูลข่าวสาร และมามีส่วนร่วมกับคอนเทนต์ของคุณ เช่น กดไลก์ กดแชร์ คอมเมนต์
ถ้าคุณทำคอนเทนต์ได้มีคุณภาพ คอนเทนต์ก็เหมือนเครื่องสะกดจิตอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้บริโภคเลือกคุณ เช่น ทำคอนเทนต์รีวิวเล่าประสบการณ์จากผู้ใช้จริง ทำให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เพราะเหมือนคนธรรมดาทั่วไปมาบอกต่อ ยิ่งมีคนรีวิวเยอะ ยิ่งโน้มน้าวใจให้ซื้อได้ง่ายขึ้น หรือจะเป็นคอนเทนต์ที่ทำให้เกิดการตัดสินใจ เช่น Flash Sale สินค้ามีจำนวนจำกัด หรือภายใน 3 วันนี้เท่านั้น หรือโปรโมชั่นต่างๆ เป็นต้น
ถ้าแบรนด์ทำคอนเทนต์ออกมาเรื่อยๆ โดยไม่วางแผน ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่เป็นไปตามความต้องการ ดังนั้นถ้าอยากสื่อสารให้เห็นผล ก็ต้องวางกลยุทธ์
สิ่งที่ต้องมีในการทำการตลาดเสมอก็คือ “เป้าหมาย” ว่าแบรนด์ต้องการอะไร และเป้าหมายควรมีความชัดเจน ทำได้จริง มีระยะเวลากำหนดแน่นอน ซึ่งแบรนด์อาจใช้หลัก “SMART” เข้ามาช่วยทำให้เป้าหมายชัดเจนมากขึ้น ดังนี้
S (Specific) – มีความเฉพาะเจาะจง เช่น สร้าง Conversion เพิ่ม Engagement เพิ่มรายได้
M (Measurable) – สามารถวัดผลได้ เช่น มียอด Like 50,000 ขึ้นไป
A ( Attainable) – สามารถทำได้จริง เช่น เพิ่มจำนวน Subscriber 1,000 คนขึ้นไป
R (Relevant) – มีความเกี่ยวข้องกับเป้าหมายของธุรกิจ
T (Time-bound) – มีกรอบระยะเวลา เช่นมียอด View 500,000 ภายใน 1 เดือน
ก่อนที่จะกำหนดกลุ่มเป้าหมาย แบรนด์ต้องรู้ก่อนว่าสินค้าหรือบริการของคุณมีข้อดีหรือจุดเด่นอะไรบ้าง จึงจะรู้กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสินค้าของคุณ
จากนั้นต้องศึกษากลุ่มเป้าหมาย เช่น ช่วงอายุ เพศ อาชีพ รายได้ ความสนใจ พฤติกรรมการเล่นโซเชียลมีเดีย แพลตฟอร์มที่ชอบใช้ เป็นต้น ยิ่งแบรนด์มีความรู้เกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมายได้ละเอียดมากเท่าไหร่ยิ่งช่วยให้คุณสร้างคอนเทนต์ที่สามารถมัดใจพวกเขาได้มากยิ่งขึ้น
น้ำเสียงของแบรนด์ (Brand Voice) เปรียบเหมือนการกระทำ หรือคำพูดที่ออกมาจากตัวตนของคนๆ นั้น ดังนั้น น้ำเสียงของแบรนด์จึงพรีเซนต์ตัวตนของแบรนด์ (Brand Identity)
แบรนด์ควรกำหนดว่าน้ำเสียงที่จะใช้สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายควรเป็นอย่างไร เช่น ภาษาที่ใช้ จะใช้แบบเป็นทางการหรือขี้เล่น ภาพที่ใช้ประกอบจะเป็นแนวไหน สีในอาร์ตเวิร์ค โลโก้ วิดีโอที่ออกมาเป็นแนวไหน เสียงพากย์ควรมีน้ำเสียงอย่างไร เมื่อกำหนดได้ชัดเจน เห็นคาแรคเตอร์ กลุ่มเป้าหมายจะเกิดการจดจำเมื่อได้เห็น ฟัง อ่านบ่อยๆ
แน่นอนว่าแต่ละแบรนด์ก็จะมีลูกค้าที่แตกต่างกันไป ดังนั้นลักษณะของคอนเทนต์ก็จะแตกต่างกัน เช่น
คุณเป็นแบรนด์ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็น B2B ควรใช้รูปแบบคอนเทนต์ Blog หรือ Post ที่ดูเป็นเนื้อหาที่เหมาะสำหรับกลุ่มเป้าหมายในระดับที่คุณต้องการจะเข้ามาอ่าน เพื่อให้ข้อมูลสินค้าหรือบริการ บอกข้อดีที่จะได้รับ สร้างเครดิต สร้างความน่าเชื่อถือ อาจจะเป็นรูปแบบของการทำ Testimonial หรือ Quote ของลูกค้าจริงเพื่อเป็นการยืนยันความน่าเชื่อถือ
หรือกลุ่มเป้าหมายของคุณเป็น B2C ลักษณะการทำคอนเทนต์แบบไหนที่กลุ่มเป้าหมายของคุณสนใจ และรูปแบบไหนที่กำลังเป็นที่นิยม อาจจะนำมารวมกันเพื่อสร้างคอนเทนต์ที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกเข้าถึงแบรนด์ได้ง่าย เฟรนลี่เข้าใจง่าย ไม่ต้องดูเป็นทางการมาก อาจจะใช้ Infograpgic หรือ Video ในการสนับสนุนในการสื่อสารออกไป
ควรวางแผนไว้ว่าจะลงคอนเทนต์กี่ตัวต่อวัน เป็นคอนเทนต์เกี่ยวกับอะไร มีจุดประสงค์เพื่ออะไร พร้อมเวลาในการโพสต์ ควรวางแผนให้ลงคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาลูกค้าหรือผู้ติดตามเดิม และกลุ่มเป้าหมายใหม่ จากนั้นค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์จากที่รู้จักแบรนด์ เปลี่ยนมาสนใจและเริ่มอยากลองซื้อ/ใช้บริการ จนตัดสินใจซื้อและบอกต่อ อีกทั้งขั้นตอนนี้ควรมีเครื่องมือเข้ามาช่วย เช่น Google Sheet เพื่อให้ดูง่ายไม่สับสน และทุกคนในทีมสามารถเข้าใจตรงกัน จากนั้นจึงเป็นขั้นตอนสุดท้าย คือทำตามกลยุทธ์ที่วางไว้
Content คือสิ่งที่แบรนด์ใช้สื่อสารกับลูกค้าเป็นประจำ ถ้าวางกลยุทธ์ทำ Content Marketing ออกมาใช้สื่อสารได้ดี ทั้งในส่วนของ Key message และดีไซน์ การทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกล คุณอยากให้ลูกค้าเห็นแบรนด์แบบไหน หรืออยากให้มาร่วมมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ อยากให้มาซื้อสินค้า ก็ขึ้นอยู่กับคอนเทนต์ที่จะชี้นำหรือดึงดูดได้มากแค่ไหน ถ้าหากคุณสามารถทำคอนเทนต์ออกมาได้ดี คุณแทบจะไม่ต้องใช้เงินทำโฆษณาเลยก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์หรือวงการเอเจนซี่ไหนๆ ต่างก็ยกให้ “Content is King”
การทำคอนเทนต์ให้ดึงดูดใจลูกค้า นอกจากต้องมีสกิลในการครีเอทแล้ว ก็ต้องติดตามข่าวสาร ทันกระแสและเทรนด์ต่างๆ ถ้าคุณอยากได้ผู้ช่วยสร้างกลยุทธ์ทำคอนเทนต์ เพิ่มการรับรู้ สร้าง engagement และเหมาะสมกับแพลตฟอร์มต่างๆ DTK AD ช่วยได้! เราเป็น Agency ที่มีประสบการณ์การทำงานให้กับแบรนด์ชั้นนำจากญี่ปุ่น และทำการตลาดในไทยมามากกว่า 10 ปี ช่วยให้คุณสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นผลจริง
Social Media Marketing (SMM) คืออะไร? ทำอย่างไรให้ยอดขายพุ่ง ธุรกิจโต
ติดตามข้อมูลข่าวสารที่นักการตลาดต้องรู้ อัปเดตใหม่เรื่อยๆ ที่ Facebook: DTK AD Co., Ltd.
Source:
SHARE : Copied
บทความล่าสุด
CATEGORY
TAGS